วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารออร์แกนิก กำลังอินเทรนด์ สถาบันวิจัยบิวตี้ นำมาสกัดบำรุงผิว


การใส่ใจดูแลสุขภาพนับเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตคนเรา รวมทั้งอาหารการกินถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องยิ่งใส่ใจ และในเวลานี้ อาหารออร์แกนิก กำลังอินเทรนด์ให้คนที่สนใจสุขภาพได้รับประทานกัน...
การใส่ใจดูแลสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเดียว คงจะไม่สมบูรณ์ ต้องทำควบคู่ กับอาหารการกินด้วย โดย "อาหารออร์แกนิก" กำลังอินเทรนด์กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้น
สถาบันวิจัยและพัฒนาจุยส์ บิวตี้ ออร์แกนิก สกินแคร์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ออร์แกนิกเป็นการเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อแก้ไขปัญหาของสารเคมี สะสมในธรรมชาติที่เป็นอันตรายต่อชีวิต กระบวนการผลิตจึงต้องใส่ใจตั้งแต่การปรับคุณภาพของดินและน้ำ ปัจจัยพื้นฐานสำคัญในขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ รวมถึง การควบคุมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไม่ให้มีการเจือปนของ สารเคมี เช่น ปลูกพืชตามฤดูกาล, หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทางการเกษตรและสารพิษทุกชนิด, รักษาความสมบูรณ์ของดินโดยไม่ใช้สารเคมี จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ตามธรรมชาติอย่างเต็มที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาจุยส์ บิวตี้ ยังพบว่า น้ำผลไม้ออร์แกนิกได้ให้คุณค่าวิตามินและแร่ธาตุได้มากกว่าผลไม้ธรรมดาถึง 50% โดยเฉพาะคุณค่าต่อผิวพรรณ จึงได้นำส่วนผสมของน้ำผลไม้ออร์แกนิกเข้มข้น 98% มาผลิตเป็นสกินแคร์บำรุงผิวต่างๆ เช่น เจลทำความสะอาด, เซรั่ม, ครีม และโลชั่นบำรุงผิว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมีเจือปน

ทางสถาบันฯแนะนำอีกว่า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงผิวควรมีความระมัดระวัง เพราะผิวของเราสามารถดูดซึมสิ่งที่ทาลงไปได้ถึง 64% ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ เจือปนด้วยสารก่อมะเร็ง เช่น พาราเบน ที่พบในเครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดโรคร้ายตามมาได้ นอกจากนี้ ยังต้องระวังออร์แกนิกปลอม ที่อ้างว่ามีส่วนผสมจากพืชผลไม้ออร์แกนิก แต่แท้จริงแล้วคือน้ำเปล่าเป็นหลัก แล้วค่อยเติมส่วนผสมออร์แกนิก ทำให้สัดส่วนออร์แกนิคมีไม่ถึง 5% เมื่อใช้ไปแล้วจึงไม่เห็นผล ทางที่ดีผู้บริโภคต้องตรวจสอบจากฉลากของผลิตภัณฑ์ด้วย.
ทีมา : ไทยรัฐ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดีทันตาเห็น


หันไปทางไหนในยามนี้ เจอแต่คนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยพิษเศรษฐกิจตกสะเก็ด อย่ากระนั้นเลย มาลองหาวิธีชุบชูใจให้อารมณ์ดีทันตาเห็นกันดีกว่า
แต่ละวิธีที่จะนำมาบอกต่อกันนี้สรุปมาจากข้อเขียนของคริสตี โล ใน นสพ.เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ ของออสเตรเลีย ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีง่าย ๆ แทบไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายตังค์เพิ่ม หรือจ่ายน้อยมาก
วิธีแรกสุดคือต้องรู้จัก หายใจให้มีความสุข เพราะครูสอนโยคะบอกว่า การหายใจเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างกายกับจิต ดังนั้น มันจึงสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเราได้ด้วย โดยให้นั่งตัวตรงปล่อยตัวตามสบายค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆสัก 3 นาที หรือถ้ารู้สึกหนักมากต่อเวลาออกไปก็ได้
ลองเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง ก็เป็นการจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยคลายเครียดได้ไม่น้อย นักจิตวิทยาแนะนำว่า การนำแจกันดอกไม้มาตั้งไว้ในห้องก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว ในการนำสภาพแวดล้อมภายนอกเข้ามาในห้อง ที่สำคัญต้องเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใสสักหน่อย อย่างดอกทานตะวันหรือกล้วยไม้กำลังบานนี่ใช่เลย นอกจากนี้ยังอาจเปลี่ยนสีห้องเพราะว่าสีมีอิทธิพลทางจิตวิทยาต่อคนเรา
ตั้งความฝันไว้ แล้วไปให้ถึง สังเกตพวกวัยรุ่นที่ชอบติดรูปดาราคนโปรดในห้อง ก็เพราะยึดดาราเป็นต้นแบบที่จะไปให้ถึง สำหรับคนทำงานแล้วอาจติดรูปภาพสถานที่ที่อยากไปเที่ยวแปะไว้ข้างฝา เพื่อเป็นแรงกระตุ้นว่าสักวันเถอะ จะต้องไปที่นั่นให้ได้
เรื่องของกลิ่นก็มีส่วนช่วย อาจจะ จุดเทียนหอม หรือ น้ำมันหอมระเหย ทำให้ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นที่น่าอภิรมย์ พลอยให้จิตใจไม่หงุดหงิดง่าย ระหว่างนั้นอาจจะ จิบชา รสที่ชอบไปด้วย แต่เรื่องชามีผู้แนะนำว่าให้เลือกชาคาโมไมล์ และเอิร์ลเกรย์ จะช่วยคลายอารมณ์ได้
สุดท้ายอาจฟังดูแปลกพิสดาร เขาแนะนำให้ ล้างมือ ผู้แนะนำบอกว่า ระหว่างล้างมือด้วยน้ำกับสบู่จะทำให้เราจดจ่อกับสีและกลิ่นของฟองสบู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราค่อยๆเปลี่ยนอารมณ์ให้เย็นลงนั่นเอง.
ที่มา : ไทยรัฐ
 

Followers

Copyright © 2009 Blogger Template Designed by Bie Blogger Template Vector by DaPino