วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อาหารออร์แกนิก กำลังอินเทรนด์ สถาบันวิจัยบิวตี้ นำมาสกัดบำรุงผิว


การใส่ใจดูแลสุขภาพนับเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตคนเรา รวมทั้งอาหารการกินถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องยิ่งใส่ใจ และในเวลานี้ อาหารออร์แกนิก กำลังอินเทรนด์ให้คนที่สนใจสุขภาพได้รับประทานกัน...
การใส่ใจดูแลสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเดียว คงจะไม่สมบูรณ์ ต้องทำควบคู่ กับอาหารการกินด้วย โดย "อาหารออร์แกนิก" กำลังอินเทรนด์กลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้น
สถาบันวิจัยและพัฒนาจุยส์ บิวตี้ ออร์แกนิก สกินแคร์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า ออร์แกนิกเป็นการเกษตรแบบอินทรีย์ เพื่อแก้ไขปัญหาของสารเคมี สะสมในธรรมชาติที่เป็นอันตรายต่อชีวิต กระบวนการผลิตจึงต้องใส่ใจตั้งแต่การปรับคุณภาพของดินและน้ำ ปัจจัยพื้นฐานสำคัญในขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ รวมถึง การควบคุมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไม่ให้มีการเจือปนของ สารเคมี เช่น ปลูกพืชตามฤดูกาล, หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทางการเกษตรและสารพิษทุกชนิด, รักษาความสมบูรณ์ของดินโดยไม่ใช้สารเคมี จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ตามธรรมชาติอย่างเต็มที่ สถาบันวิจัยและพัฒนาจุยส์ บิวตี้ ยังพบว่า น้ำผลไม้ออร์แกนิกได้ให้คุณค่าวิตามินและแร่ธาตุได้มากกว่าผลไม้ธรรมดาถึง 50% โดยเฉพาะคุณค่าต่อผิวพรรณ จึงได้นำส่วนผสมของน้ำผลไม้ออร์แกนิกเข้มข้น 98% มาผลิตเป็นสกินแคร์บำรุงผิวต่างๆ เช่น เจลทำความสะอาด, เซรั่ม, ครีม และโลชั่นบำรุงผิว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมีเจือปน

ทางสถาบันฯแนะนำอีกว่า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงผิวควรมีความระมัดระวัง เพราะผิวของเราสามารถดูดซึมสิ่งที่ทาลงไปได้ถึง 64% ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ เจือปนด้วยสารก่อมะเร็ง เช่น พาราเบน ที่พบในเครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดโรคร้ายตามมาได้ นอกจากนี้ ยังต้องระวังออร์แกนิกปลอม ที่อ้างว่ามีส่วนผสมจากพืชผลไม้ออร์แกนิก แต่แท้จริงแล้วคือน้ำเปล่าเป็นหลัก แล้วค่อยเติมส่วนผสมออร์แกนิก ทำให้สัดส่วนออร์แกนิคมีไม่ถึง 5% เมื่อใช้ไปแล้วจึงไม่เห็นผล ทางที่ดีผู้บริโภคต้องตรวจสอบจากฉลากของผลิตภัณฑ์ด้วย.
ทีมา : ไทยรัฐ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดีทันตาเห็น


หันไปทางไหนในยามนี้ เจอแต่คนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยพิษเศรษฐกิจตกสะเก็ด อย่ากระนั้นเลย มาลองหาวิธีชุบชูใจให้อารมณ์ดีทันตาเห็นกันดีกว่า
แต่ละวิธีที่จะนำมาบอกต่อกันนี้สรุปมาจากข้อเขียนของคริสตี โล ใน นสพ.เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ ของออสเตรเลีย ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีง่าย ๆ แทบไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายตังค์เพิ่ม หรือจ่ายน้อยมาก
วิธีแรกสุดคือต้องรู้จัก หายใจให้มีความสุข เพราะครูสอนโยคะบอกว่า การหายใจเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างกายกับจิต ดังนั้น มันจึงสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเราได้ด้วย โดยให้นั่งตัวตรงปล่อยตัวตามสบายค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆสัก 3 นาที หรือถ้ารู้สึกหนักมากต่อเวลาออกไปก็ได้
ลองเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง ก็เป็นการจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยคลายเครียดได้ไม่น้อย นักจิตวิทยาแนะนำว่า การนำแจกันดอกไม้มาตั้งไว้ในห้องก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว ในการนำสภาพแวดล้อมภายนอกเข้ามาในห้อง ที่สำคัญต้องเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใสสักหน่อย อย่างดอกทานตะวันหรือกล้วยไม้กำลังบานนี่ใช่เลย นอกจากนี้ยังอาจเปลี่ยนสีห้องเพราะว่าสีมีอิทธิพลทางจิตวิทยาต่อคนเรา
ตั้งความฝันไว้ แล้วไปให้ถึง สังเกตพวกวัยรุ่นที่ชอบติดรูปดาราคนโปรดในห้อง ก็เพราะยึดดาราเป็นต้นแบบที่จะไปให้ถึง สำหรับคนทำงานแล้วอาจติดรูปภาพสถานที่ที่อยากไปเที่ยวแปะไว้ข้างฝา เพื่อเป็นแรงกระตุ้นว่าสักวันเถอะ จะต้องไปที่นั่นให้ได้
เรื่องของกลิ่นก็มีส่วนช่วย อาจจะ จุดเทียนหอม หรือ น้ำมันหอมระเหย ทำให้ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นที่น่าอภิรมย์ พลอยให้จิตใจไม่หงุดหงิดง่าย ระหว่างนั้นอาจจะ จิบชา รสที่ชอบไปด้วย แต่เรื่องชามีผู้แนะนำว่าให้เลือกชาคาโมไมล์ และเอิร์ลเกรย์ จะช่วยคลายอารมณ์ได้
สุดท้ายอาจฟังดูแปลกพิสดาร เขาแนะนำให้ ล้างมือ ผู้แนะนำบอกว่า ระหว่างล้างมือด้วยน้ำกับสบู่จะทำให้เราจดจ่อกับสีและกลิ่นของฟองสบู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราค่อยๆเปลี่ยนอารมณ์ให้เย็นลงนั่นเอง.
ที่มา : ไทยรัฐ

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า


ขอแนะเคล็ดลับการทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า เพื่อความสะอาดของอุปกรณ์และยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น...

เริ่มจาก เอาฝุ่นแป้งออกจากแปรงแต่งหน้าให้ได้มากที่สุด หากเป็นแปรงทาลิปสติกให้ใช้กระดาษทิสชูเช็ดคราบลิปสติกออกจากขนแปรงก่อน จากนั้นนำแปรงลงล้างในน้ำสบู่ที่ผสมกับน้ำอุ่น โดยบีบขนแปรงไปด้วย เพื่อให้ฝุ่นแป้งหลุดออกจากแปรง แนะว่าไม่ควรแช่แปรงทิ้งไว้ในน้ำนานๆ เพราะน้ำอาจซึมเข้าไปในปลอกทำให้แปรงอับชื้น เสร็จแล้วนำแปรงมาล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด จนน้ำสบู่ออกหมด บีบน้ำออกจากขนแปรง และสะบัดแปรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำ สุดท้ายนำแปรงไปผึ่งให้แห้ง
วิธีนี้ควรทำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
ที่มา : เดลินิวส์

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์สีผิว ก่อนทำสีผม


สำหรับผู้หญิงที่ชอบทำสีผม คงจะเคยเจอกับปัญหาเมื่อทำเสร็จแล้วสีผมกลับไม่สวยดังใจ ส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส นั่นก็เพราะสีผมที่เลือกยังไม่เข้ากับสีผิวของคุณนั่นเอง เพราะฉะนั้นการเลือกสีผมให้เหมาะกับสีผิว จึงมีความสำคัญเฉกเช่นการเลือกสีรองพื้นหรือเมกอัพที่เหมาะกับผิวหน้าของคนเราเช่นกัน เพื่อให้สีสันที่เราเลือกมานั้น ขับเน้นใบหน้าให้โดดเด่นและเสริมบุคลิกให้ดูดี

แมทริกซ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับร้านเสริมสวยชั้นนำจากอเมริกา ได้เผยถึงเคล็ดลับการวิเคราะห์สีผิวสำหรับการทำสีผม ที่สามารถแยกแยะได้จากการมองด้วยสายตาภายใต้แสงธรรมชาติ สำหรับสีผิวของสาวเอเชียนั้น โดยทั่วไปมักพบสีผิว 4 แบบ นั่นคือ ผิวขาวอมชมพู ผิวขาวอมเหลือง ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง และผิวสีแทนหรือสีผิวคล้ำเข้ม สีผิวที่ต่างกันย่อมต้องการสีผมที่เหมาะสมเพื่อสอดรับกับสีผิวที่ต่างกันในแบบคุณ

ผิวขาวอมชมพู (White Pink) สีผิวนี้อยู่ในกลุ่มโทนอุ่น มักส่งผลให้เจ้าของผิวดูเปล่งปลั่งและดูมีสุขภาพดีกว่าสีผิวอื่น ๆ สีผมที่เหมาะคือเฉดสีบลอนด์ ควรเลือกบลอนด์ประกายหม่น หรือโทนน้ำตาลทอง และทองแดงประกายน้ำตาล ควรเพิ่มเสน่ห์และเสริมความเซ็กซี่ด้วยผมบลอนด์เล่นระดับเฉดสี เสมือนการสร้างมิติให้เส้นผม ด้วยการทำไฮไลต์โทนอุ่นหรืออ่อนกว่าพื้นผมหนึ่งระดับ ทำให้ผิวไม่ซีดจาง ขับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง สะท้อนบุคลิกให้ชวนมอง

ผิวขาวอมเหลือง (Ivory Peach) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนเย็น สีผิวนี้บางครั้งอาจทำให้ใบหน้าแลดูซีดเซียว หรือดูเหนื่อยล้าไม่สดใส ควรเติมเต็มพลังและความสวยเด่นให้กับใบหน้า ด้วยผมโทนสีแดงเจิดจรัส โดดเด่นทันสมัย ควรเลือกสีผมประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง ควบคู่ไปกับทรงผมที่มีการสไลด์สร้างเลเยอร์ ดูโฉบเฉี่ยว สดใส และกระฉับกระเฉง

ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง (Golden Beige Amber) สีผิวลักษณะนี้อยู่ในกลุ่มโทนเย็น คนที่มีผิวสองสีมักแฝงเสน่ห์เซ็กซี่อยู่ในตัวเอง ดูคมและน่ามอง เหมาะกับสีผมโทนสีทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนเรื่อยไปจนถึงสีเนื้อ หรือเลือกทำโลไลต์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ เพื่อขับเน้นให้ใบหน้าแลดูสว่างขึ้น เผยความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ในตัว

ผิวสีแทนหรือผิวคล้ำเข้ม (Beige Olive) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนอุ่น เป็นผิวที่เหมาะกับสีผมน้ำตาลแท้ น้ำตาลช็อกโกแลตและมอคคา เพื่อขับเน้นให้ผิวที่เข้มอยู่แล้วไม่ดูด้านทึบจนเกินไป แต่กลับช่วยเพิ่มความกระจ่างใสขึ้น ควรเพิ่มประกายทองแดง เพิ่มสีสันและมิติด้วยช่อไฮไลต์ไล่ระดับ เข้ากันได้ดีกับผมลอนสลวยเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานชวนค้นหา

ที่มา : ไทยโพสต์

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

รูปถ่ายสมัยเด็กชี้ชะตาชีวิตสมรส


ใครนึกสงสัยว่า ชีวิตแต่งงานของตัวเองจะสุโขสโมสร หรือเอวังด้วยการหย่าร้าง นักวิจัยบอกว่า คำตอบอยู่ในอัลบั้มรูปถ่ายสมัยเด็ก ๆ

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเดอพาว มลรัฐอินเดียนา บอกว่า รูปถ่ายของคนเราเมื่อหลายสิบปีก่อนสามารถไขปริศนาเกี่ยวกับชีวิตสมรสในวัน ข้างหน้าได้

คนที่ยิ้มกว้างที่สุดมีโอกาสเพิ่มขึ้น 3 เท่าที่จะมีชีวิตคู่ที่แนบแน่นกว่าคนที่พยายามฉีกยิ้มขณะถ่ายรูปเวลาพ่อแม่ พาไปเที่ยวสมัยยังเด็กหรือเป็นวัยรุ่น

แม้แต่ภาพถ่ายตอนอายุ 5 ขวบก็สามารถบ่งบอกได้ว่า เมื่อเจริญวัยขึ้น เด็กน้อยในภาพจะมีชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร

"ระดับการยิ้มสามารถทำนายได้ว่า คนในภาพจะหย่าร้างหรือไม่ในอนาคต ยิ่งยิ้มน้อยเท่าไหร่ โอกาสหย่าร้างก็ยิ่งสูงเท่านั้น" นักวิจัยบอก

นักวิจัยได้ขอภาพถ่ายจากผู้ใหญ่เกือบ 650 คน ซึ่งเป็นรูปที่ถ่ายตอนเรียนชั้นมัธยม แล้ววัดระดับของการยิ้มเป็นข้อมูลไว้

ผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการนี้ มีตั้งแต่อายุ 21 ปีจนถึง 87 ปี ซึ่งแปลว่ารูปถ่ายบางภาพมีอายุถึง 70 ปีแล้ว

จากนั้นนักวิจัยได้ถามอาสาสมัครเหล่านี้ว่า เคยหย่าหรือไม่ แล้วนำข้อมูลนี้ไปเที่ยบเคียงกับระดับการยิ้มของแต่ละคนในรูปถ่าย

คนที่ยิ้มอย่างแห้งแล้งที่สุด มีโอกาสสูงราวสามเท่าที่จะหย่าร้างเมื่อเทียบกับคนที่ยิ้มอย่างสดใสเต็มหน้า

รายงานซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Motivation and Emotion ชิ้นนี้ ยังได้ทำการทดลองอีกอย่างหนึ่งด้วย คือ ศึกษารูปถ่ายที่ถ่ายเมื่ออายุ 5 ปี ซึ่งผลวิจัยได้ยืนยันการค้นพบในทำนองเดียวกัน

นักวิจัยอธิบายว่า อาจเป็นไปได้ว่า คนที่แจ่มใสร่าเริงมักพยายามแก้ปัญหาในชีวิตคู่ หรือมิฉะนั้น คนที่สนุกสนานเฮฮาก็มักเลือกคู่ที่มีนิสัยใจคอคล้ายกัน หรืออีกคำอธิบายหนึ่ง คนที่มีความสุขจะถ่ายทอดความรู้สึกเป็นสุขให้กับคู่ครอง

ที่มา : ไทยโพสต์

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

กรุ๊ปเลือดบอกนิสัยการเงิน


ตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่นกำลังอินเทรนด์เรื่องกรุ๊ปเลือดสุด ๆ เพราะมันสามารถบอกได้ว่าแต่ละกรุ่๊ปเลือดนั้นมีลักษณะบุคลิกและนิสัยเป็นแบบใด โดยเฉพาะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ

ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีการรวบรวมสถิติเกี่ยวกับลักษณะคนประเภทต่าง ๆ โดยแยกแยะเป็นกรุ๊ปเลือดซึ่งจะเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่กำหนดพฤติกรรมต่าง ๆ ไว้ ซึ่งวันนี้เราจะมาวิเคราะห์เจาะลึกเรื่องการเงินในกระเป๋ากัน

กรุ๊ป A เป็นคนที่มีระเบียบในชีวิต มีความคิดเป็นระบบเหมือนลิ้นชัก มีความรับผิดชอบสูง และชอบคิดว่าเรื่องของคนอื่นคืองานของตนเอง ที่สำคัญติดหลงตัวเองนิด ๆ พอน่ารัก

นิสัยการเงิน กรุ๊ปเอเป็นกรุ๊ปที่เก็บเงินได้เก่ง มีเงินเหลือเล็กๆ น้อย ๆ ก็เอาเข้าบัญชี แต่ทว่าเมื่อถึงคราวที่จะต้องใช้ก็มักจะเทออกมาหมดหน้าตักจนเกลี้ยงกระเป๋าเลยทีเดียว ที่สำคัญคนกรุ๊ปเอมักเชื่อว่าตนเองนั้นรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่บางทีทิฐิมานะควรเอาไปใช้ให้ถูกทางดีกว่า

นอกจากนั้น เวลาช้อปปิ้ง คนกรุ๊ปเอจะมีรสนิยมสูง นิยมของแบรนด์เนม แต่เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วก็มักมีแต่เสื้อผ้าที่เหมือน ๆ กันไปหมด

กรุ๊ป B สาวใสหัวใจศิลปิน เธอผู้นี้ใช้อารมณ์เหนือเหตุผลทั้งปวง แม้ว่าจะตกลงไปเที่ยวกันอย่างดิบดีแล้ว เธอก็อาจจะไม่ไปเสียดื้อ ๆ ส่วนข้อดีของเธอคือการเป็นนักสร้างสรรค์ที่หาตัวจับยาก และพูดตรงจนใคร ๆ กลัวเชียวล่ะ

นิสัยการเงิน เนื่องจากเธอคนนี้ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ บางครั้งก็ประหยัดจนไส้กิ่วแต่บางครั้งก็ซื้อของหรูหราได้อย่างไม่เสียดายเงิน เพราะเพียงว่าเธออยากได้แค่นั่นเอง และบางครั้งก็มักทำเรื่องผิดพลาดทางการเงินง่าย ๆ ประเภทเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย (เป็นประจำ) ส่วนใหญ่จะเก็บเงินได้ดียามที่มีกฏข้อบังคับ เช่น ฝากประจำ เล่นแชร์ เป็นต้น

กรุ๊ป O สาวคนนี้มีเพื่อนเยอะ มีความยืดหยุ่นสูงร่วมกับความโลเลบ้างในบางครั้ง ค่อนข้างจะถนอมน้ำใจคนอื่นๆ มากกว่าที่จะว่ากล่าวไปตรงๆ แต่เมื่อระเบิดแล้วใครๆ ก็ห้ามไม่อยู่

นิสัยการเงิน คนกรุ๊ปโอไม่โผงผางออกจะเป็นคนเรื่อยๆ มากกว่า ดังนั้น เรื่องการเงินจะค่อนข้างมีระเบียบวินัยกว่ากรุ๊ปอื่น ๆ แต่มักไปเสียเงินเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น หนังสือการ์ตูน กระเป๋าย่ามใบเล็ก ๆ หรือแม้แต่กิ๊บติดผม ที่สำคัญคนกรุ๊ปนี้มักมีเงินแอบเก็บก้อนโตไว้เสมอ จึงมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงินทอง

กรุ๊ป AB เป็นสาวที่คิดอะไรไม่เหมือนใคร ชอบเอาตนเองไปผูกพันกับความรู้สึกของคนอื่น แต่มักสร้างเกราะกำบังตัวเอง ไม่ชอบเปิดใจให้แก่ใครนัก ทำให้คุณเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย

นิสัยการเงิน ด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนคิดเยอะ เวลาใครชวนทำประกันชีวิตหรือกองทุนต่าง ๆ ก็มักปฏิเสธหรือไม่ให้คำตอบ แถมความคิดมากนั้นไม่ค่อยออกมาเป็นรูปธรรมสักเท่าไร มักคิดแล้วก็หลงลืมไปปล่อยให้เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่อย่างนั้น แต่กรุ๊ปเอบีบางคนก็เป็นสุดยอดในการหมุนเงินที่หาตัวจับยากทีเดียว

ที่มา : Lisa

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

แฟชั่นรัดรูปทำให้ผิวแพ้ และติดเชื้อง่ายขึ้น


แฟชั่นแต่งกายรัดรูปและนุ่งยีนส์ฟิตกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในไทยและในต่างประเทศ แม้ว่าแฟชั่นนี้จะทำให้ผู้สวมใส่ดูโดดเด่น แต่ก็อาจแฝงภัยไว้ด้วยเช่นกัน คือทำให้เกิดการแพ้เสื้อผ้า และผิวติดเชื้อง่ายขึ้น
เรื่องนี้นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนังเปิดเผยว่า แฟชั่นรัดรูปทำให้พบโรคผิวแพ้เสื้อผ้าบ่อยขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีอากาศร้อนชื้นเช่นนี้ โดยมักพบเป็นผื่นแดงคันตามตำแหน่งที่สัมผัสเสียดสีกับเนื้อผ้า พบว่าผู้ชายที่สวมเสื้อเชิ้ตและผูกเนคไทแน่นจะเป็นผื่นคันตามลำคอ ผู้หญิงที่สวมเสื้อแขนรัดจะพบผื่นตามด้านหน้าหรือด้านหลังของรักแร้ที่สัมผัสเสื้อผ้า การสวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปทำให้เกิดการเสียดสี ความร้อน ความชื้น และเหงื่อออกมาก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแพ้เสื้อผ้ามากขึ้น พบว่าเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ แต่ผ้าฝ้ายบริสุทธิ์มักยับยู่ยี้และหดง่ายจึงไม่เป็นที่นิยม ส่วนผ้าไหมนั้นก็ไม่ค่อยก่อให้เกิดการแพ้ ประเภทของเนื้อผ้าที่ต้องระวังคือผ้าขนสัตว์และผ้าไนล่อน เนื้อผ้าขนสัตว์ทำให้ผิวหนังระคายเคืองและเกิดลมพิษ
ส่วนผู้ที่ใส่เสื้อผ้าไนล่อนมักเกิดผดผื่นคัน เพราะเนื้อผ้าจะกันไม่ให้เหงื่อระเหย การป้องกันการแพ้เสื้อผ้าคือการซักล้างเสื้อผ้าอย่างสะอาด ต้องระวังไม่ให้มีผงซักฟอกตกค้างอยู่ หลังจากนั้นให้นำเสื้อผ้ามาผึ่งแดดจนแห้งสนิท ควรลดน้ำหนักตัวเพราะคนอ้วนเสื้อผ้าจะเสียดสีกับผิวหนังมาก แฟชั่นรัดรูปยังก่อให้เกิดกลิ่นตัวได้บ่อย พบว่าผู้ที่นิยมสวมยีนส์รัดรูปอาจมีกลิ่นที่อวัยวะเพศด้วยเพราะเหงื่อระเหยได้ยาก และเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี จึงควรเลือกใช้เสื้อผ้าโปร่งบางและหลวม
คุณหมอ ประวิตร เสริมอีกว่าว่า ในฤดูฝนเช่นนี้ยังทำให้เกิดโรคผิวหนังได้บ่อยคือ โรคน้ำกัดเท้า หรือเชื้อราที่เท้า มักเห็นเป็นผื่นเปียกยุ่ยสีขาวที่ง่ามนิ้วเท้า บางทีพบเป็นขุยที่ฝ่าเท้า พบบ่อยในผู้ที่ต้องใส่ถุงเท้าประจำ เช่นนักกีฬา นักเรียน การใส่รองเท้าแตะบ้างช่วยป้องกันโรคเชื้อราที่เท้าได้ เพราะเท้าจะได้แห้งบ้าง การติดเชื้อราที่เท้าอาจร่วมกับการเป็นเชื้อราที่ขาหนีบ หรือที่เรียกว่าสังคัง การป้องกันโรคเชื้อราที่ขาหนีบคือไม่ควรสวมใส่กางเกงที่หนาโดยเฉพาะยีนส์รัดรูป
และในหน้าฝนผ้ายีนส์จะแห้งยากมาก การย่ำน้ำเฉอะแฉะ นอกจากเท้าจะติดเชื้อราได้ง่ายแล้ว ยังอาจติดเชื้อแบคทีเรียทำให้เห็นเป็นรูพรุนเล็กๆ ที่เท้า เวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า และเท้าจะเหม็นมาก จึงอาจเรียกว่าโรคเท้าเหม็น ศัพท์แพทย์เรียกว่า pitted keratolysis การป้องกันเชื้อราที่เท้าและโรคเท้าเหม็นนั้นคือไม่ควรสวมรองเท้าถุงเท้าที่หนาและคับเกินไป หลังไปย่ำน้ำสกปรกมาควรล้างเท้าด้วยสบู่ และน้ำเปล่าจนสะอาด และซับเท้าให้แห้ง อาจใช้พัดลมเป่า หรือใช้แป้งโรย และต้องทำความสะอาดถุงเท้าและตากรองเท้าให้แห้งสนิท
ที่มา : มติชน

เทคนิค ลดอายุ หน้าใสเด้ง เทคนิค "ลดอายุ" หน้าใสเด้ง เปล่งประกายออร่า


เตรียมสองมือให้พร้อมกับวิธีนวดหน้าลดริ้วรอยแบบไม่ต้องพึ่งสปา ง้อสถาบันความงามให้เสียอารมณ์

หลายคนคิดว่าหากต้องการนวดหน้าต้องพึ่งสถาบันความงามเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเมื่อมีการพัฒนาการนวดหน้าให้สามารถทำเองได้ เพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก คุณ Anastasia Achilleos ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรนนิบัติผิวหน้าชื่อดังจากลอนดอน ประเทศอังกฤษร่วมกับโอเลย์ พัฒนาการนวดหน้าระดับสูง โดยใช้ โอเลย์ รีเจนเนอรีส ไมโครสคัลป์ติ้ง นวดเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ในบริเวณที่ต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ ได้แก่ รอบดวงตา แนวขากรรไกร และลำคอ

วิธีการเริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด แต้มครีมที่ใช้เป็นประจำในปริมาณเท่ากับผลองุ่น วอร์มครีมขึ้นเป็นวงกลม จนเนื้อครีมเริ่มอุ่น แล้วค่อย ๆ นวดบน 3 จุดสำคัญบนใบหน้า (ดูรูปภาพประกอบ)

เริ่มจากบริเวณจมูกขึ้นไปถึงบริเวณหน้าผาก รอบเบ้าตาและโหนกแก้ม

ประสานมือทั้งสองข้างไว้บริเวณด้านข้างของจมูก เคลื่อนมือขึ้นไปตามแนวด้านข้างจมูกจนถึงสัน จนกระทั่งสันมือวางบนหน้าผาก เคลื่อนมือออกไปผ่านบริเวณคิ้วทั้งสองข้างจนถึงขมับ โดยกดน้ำหนักบนสันมืออย่างต่อเนื่อง และเคลื่อนมือลงไปจนถึงโหนกแก้ม แล้วจึงถ่ายน้ำหนักกลับมาที่ปลายนิ้วชี้อีกครั้ง จนวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น

ท่าที่ 2 บริเวณแนวขากรรไกร

ทำท่าพนมมือโดยให้ปลายนิ้วอยู่จรดคาง และนิ้วโป้งอยู่บริเวณต้นคอ ค่อย ๆ คลายฝ่ามือออกไปตามแนวคางทั้งสองด้าน โดยให้ฝ่ามือทั้งสองข้างกดน้ำหนักลงบนผิวหน้า จากนั้นจึงเคลื่อนมือขึ้นไปตามโครงหน้า ผ่านหางตา จนกระทั่งสันมือแตะกับบริเวณขมับทั้งสองข้าง

ท่าสุดท้าย บริเวณลำคอ

หันศีรษะไปทางด้านซ้าย ใช้มือซ้ายวางบนลำคอใช้ฝ่ามือลูบขึ้นจากใต้ลำ คอจนถึงใต้คาง โดยทำติดต่อกัน 2 - 3 ครั้ง ให้ทั่วลำคอ จากนั้นใช้ฝ่ามือลูบลงลงมาจนถึงบริเวณใต้ลำคอ เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอน หันศีรษะไปทางขวา ทำตามขั้นตอนดังกล่าวอีกครั้งจนครีมซึมซาบลงสู่ผิวทั้งหมด

ประโยชน์จากการนวดหน้ากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต มีผลทำให้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น ทำให้เซลล์มีความสดขึ้น ผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ จึงเป็นความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้าแบบไม่ต้องย้อนเวลา

ที่มา : เดลินิวส์

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ปีชง ปี2553 และวิธีแก้ชง เสริมดวงชะตา


ปีชง ปี2553 และวิธีแก้ชง เสริมดวงชะตา

ปีพ.ศ.2553 นี้เป็นปี ขาล(เสือ)

ตามประเพณีการไหว้องค์ไท้ส่วยหรือไท้ส่วยเอี๊ยเป๋าส่วยกุงเผ่งอัง ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่(ตรุษจีน) ของทุก ๆ ปี หรือที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันดีในนามของ "เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา" นี้ เป็นเทพผู้ทรงสิทธิ์ และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปี อีกทั้งเป็นเคล็ดลับวิชาของซินแสจีนโบราณที่ยึดหลักการคำนวณและผูกดวงจีนตาม หลักของโป๊ยหยี่ซี้เถียวมาจากการคำนวณหาราศีบนเทียงถัง 10 ตัว มาผสมกับราศีล่าง (ตี่กี่) หรือ 12 นักษัตร ซึ่งไล่เรียงจับคู่กันได้ 60 คู่ เรียกว่า "หลักจับก๊ะจื้อ" โดยในรอบ 60 ปี จึงจะเวียนมาบรรจบครบรอบกัน 1 ครั้ง

ในรอบ 60 ปีนี้ จะมีเทพเจ้าไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี ซึ่งจะมีชื่อเรียกขานต่าง ๆ กัน รวมกันได้ทั้งสิ้น 60 องค์ ทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือที่เรียกว่า "เฝ้าปี" อยู่ ซึ่งจะถือว่าแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ทุกข์ภัยหรือให้โทษแก่ผู้ใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาขององค์ไท้ส่วย โดยเฉพาะการที่มีเคราะห์หรือดวงชะตาอ่อน ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่นสมหวัง ก็จะช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยบังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลมาสู่ตัวคุณและ ครอบครัว สำหรับปีขาล พ.ศ.2553 นี้ องค์ไท้ส่วยที่ลงมาสถิตเฝ้าปีมีพระนามว่า "อูฮ้วงไต่เจียงกุง" หรือ "อูหวัน"

เหตุที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพบูชากราบไหว้ เพราะมีความเชื่อว่าเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยจะบันดาลความสุขความทุกข์ให้เกิดแก่ใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเมตตาขององค์ไท้ส่วย หากใครมีเกณฑ์ชะตาที่ดีอยู่แล้วจะได้ดียิ่งขึ้น หากใครมีดวงชะตาที่ไม่ดีทำอะไรก็มีปัญหาติดขัด ก็อธิฐานขอพรจากองค์ไท้ส่วยให้ช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้ ดังนั้นในแต่ละปีจึงมีผู้คนไปกราบไหว้บูชาขอพร ให้อยู่เย็นเป็นสุขมีดวงชะตาที่ดีตลอดทั้งปี ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจึงมีประเพณีในการไหว้ฝากดวงเพื่อสะเดาะเคราะห์ ต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย โดยเฉพาะ "คนที่เกิดปีชงกับองค์ไท้ส่วย" โดยคุณสามารถเดินทางไปไหว้สะเดาะเคราะห์ด้วยตนเองต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยได้ที่ วัดเล่งเน่ยยี่ ทั้ง 2 แห่งคือ ถนนเจริญกรุง และบางบัวทอง

คนที่มีปีเกิดที่ชงกับปีนี้ และควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วย" คือ คนที่เกิดปี ดังต่อไปนี้

1.ปีวอก(ลิง) ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้า "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง

2.ปีขาล(เสือ) ทับไท้ส่วย

3.ปีมะเส็ง(งูเล็ก) ปีร่วมชง

4.ปีกุน(หมู) ปีร่วมชง

และห้ามไปเป็นเจ้าภาพหรือเข้าร่วมพิธีในงานศพ และควรหลีกเลี่ยงการไปงานศพ แต่ถ้าหากไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ขอให้ละเว้นการไปดูศพเวลาฝังศพ(เผาศพ) หรือแม้แต่การส่งศพ คือ คนที่เกิดในปีนักษัตร ในรอบปีต่อไปนี้

1.ปีมะเส็ง คนที่เกิด ปี2460(อายุ 93ปี) ปี2520(อายุ 33ปี)

2.ปีขาล คนที่เกิด ปี2469(อายุ 84ปี) ปี2529(อายุ 24ปี)

3.ปีกุน คนที่เกิด ปี2478(อายุ 75ปี) ปี2502(อายุ 51ปี) ปี2538(อายุ 15ปี)

5.ปีวอก คนที่เกิด ปี2487(อายุ 66ปี) ปี2511(อายุ 42ปี) ปี2547(อายุ 6ปี)

เพราะทั้ง 10 ปีนี้เป็น "ไท้ส่วยเฮี้ยบจี่จู้" แปลว่า "ไท้ส่วยตรงเจ้าพิธี" นอกจากจะนำพาสิ่งอัปมงคลทั้งหลายมาให้แล้ว ยังถือเป็น การหมิ่น และลบหลู่ต่อองค์ไท้ส่วยอีกด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2553 นี้ บ้านที่หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ควรจัดตั้งภาพองค์ไท้ส่วยเอี๊ยประจำปี 2553 ไว้ที่หน้าบ้านหรือเหนือประตูบ้าน เพื่อช่วยคุ้มครองปัดเป่าความทุกข์ บันดาลความสุขมาสู่ตัวคุณ และครอบครัวไปตลอดทั้งปี

วิธีบูชาเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 9 ดอก ไหว้พระประธานในวัดก่อน (ปักธูปกระถางละ 3 ดอก) จากนั้นจึงไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 3 ดอกวิงวอนขอพร ให้ช่วยปกป้องคุ้มครองจากภยันอันตรายต่างๆ ที่คุณอาจประสบพบเจอในปีนี้ จากหนักให้กลายเป็นเบา จากเบาก็ให้มลายสูญสิ้นไป ซึ่งทางวัดเล่งเน่ยยี่จะมีพิธีสวดมนต์เสริมสิริมงคล หรือพิธีนำซิ้งเต๋าเก็ง เพื่อให้คุณและครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขหมดทุกข์หมดเคราะห์ไปตลอดทั้งปี

เครื่องบูชาเทพเจ้าไท้ส่วย มีดังนี้ (ถ้าไปทำพิธีที่วัดเล่งเน่ยยี่ ทางวัดมีจัดบริการไว้ให้แล้วเป็นชุด)

1. ธูป 3 ดอก ต่อ 1 คน 2. เทียนแดง 1 คู่

3. หงิ่งเตี๋ย 12 คู่ 4. ตั่วกิม 12 แผ่น (กระดาษทอง)

5. ทุกหลั่งจี๊ 12 แผ่น 6. เป๋าอุ่งจี๊ 12 แผ่น

7. เผ่งอังจี๊ 12 แผ่น 8. กระดาษแดง (อั่งเถียบ) 1 แผ่น

9. ขนมจันอับ (จับกิ้มทึ้ง) 1 จาน

อันประกอบด้วย....

- ถั่วเคลือบน้ำตาลสีขาว - ถั่วเคลือบน้ำตาลสีชมพู - ฟักเชื่อม - ถั่วตัด - ข้าวพอง

10. ส้ม 4 ผล 1 จาน

1. นำกระดาษแดงที่เขียน ชื่อ-นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด (และเวลาตกฟาก) ลางลงบนกระดาษไหว้ ใช้หนังสติ๊ก หรือเชือกแดงมัดไว้

2. จัดส้ม 4 ผล และขนมจันอับใส่จานจัดวางต่อหน้าองค์เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย

3. จุดเทียนแดงปักไว้ข้างๆ กระถาง จากนั้นจุดธูป 3 ดอก อธิษฐานให้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย จากอันตรายต่างๆ และประสบแต่สิ่งที่ดีตลอดทั้งปี

4. ถ้าเป็นของตนเองให้หยิบชุดสะเดาะเคราะห์ที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 ปัดตั้งแต่ศรีษะลงมาจนสุดแขน 12 ครั้ง (หมายเหตุ ถ้าคุณไปไหว้แทนบุคคลอื่น ก็ไม้ต้องทำพิธีปัดตัว แต่ให้กระทำโดยปัดเสื้อของบุคคลนั้นแทน)

5. นำชุดสะเดาะเคราห์วางลงในกล่องรับฝากที่ทางวัดจัดไว้ให้ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ของเซ่นไหว้ต่างๆ ถวายให้วัดไม่ต้องนำกลับบ้าน

คำอธิษฐานขอพรไหว้เทพเจ้า

วันนี้ตรงกับวันที่...เดือน.....พ.ศ. ... ข้าพเจ้าชื่อ....นามสกุล.....วันเดือนปีเกิด....ที่อยู่...

ขออัญเชิญเทพเจ้า..........โปรดเสด็จมารับเครื่องสักการบูชาทั้งหลาย เมื่อรับแล้วโปรดประทานพรให้ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบแต่สรรพสิริมงคล มีความสุขความเจริญก้าวหน้าอุดมด้วยโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย สิ่งอัปมงคลทั้งหลายอย่าได้แผ้วพาน ขอให้สมความปรารถนาด้วยมงคลทั้งปวงเทอญ

ในปีพ.ศ.2553 ควรหาโอกาสไปไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามแต่ที่จะเสริมปีนักษัตรตนเอง(รายละเอียดมีกล่าวไว้ในหัวข้อถัดไปของบท ความ) และหาวัตถุมงคลหรือเครื่องรางที่เป็นสิริมงคลมาเสริมดวงชะตาโดยตั้งไว้ที่ บ้าน(ที่ทำงาน) หรือติดตัว เพื่อเป็นการแก้ชงหรือเสริมดวงชะตา โดยเฉพาะปีนักษัตรที่ชงทั้ง 4 ปี

1.ปีวอก(ลิง)ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง อีกทั้งยังมีดาวอัปมงคลเพ่งเล็งอยู่หลายดวง โชคชะตาจึงตกต่ำมัวหมอง เกิดเรื่องร้ายมากกว่าดี ถูกอุปสรรคปัญหารุมเร้า เงินทองไหลออก โชคลาภอับเฉา ต้องระวังอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่างๆ พยายามอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอย่าไปยุแหย่ท้าทายผู้ใด และอย่าริอาจทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นอันขาดมิเช่นนั้นอาจต้องรับผลกรรมที่ตามมา

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีวอกวัตถุมงคลเสริมราศีปีวอกจี้มงคลเสริมราศีปีวอกหากคิดจะป้องกันแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์ ปรับเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "มังกรลิงขี่ม้าเดินทาง รวมพลังสลายเคราะห์ภัย" เพื่อ ปกป้องคุ้มครองให้ชาวปีวอกแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

2.ปีขาล(เสือ)ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ทับองค์ไท้ส่วย และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีขาล มีดาวร้ายหลายดวงคอยคุกคามอยู่ โดยเฉพาะดาวกระบี่คม "เจี้ยนฟง" และดาวศัตรูที่ซ่อนเร้น "จื่อเป้ย" คอย จ้องทำร้ายให้บาดเจ็บเลือดตกยางออกเกิดเหตุร้ายมากกว่าดี ทำให้โชคลาภตกต่ำ เงินทองรั่วไหล การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า และอาจมีผู้ไม่หวังดีคิดมุ่งร้าย ฉะนั้นจงอย่าประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีขาลวัตถุมงตลเสริมราศีปีขาลจี้มงคลเสริมราศีปีขาลหากคิดป้องกันแก้ไขกลับร้ายให้เป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "แปดวิเศษ ขจัดภัย เสริมส่งความเจริญรุ่งเรือง" เพื่อสลายพลังร้ายขจัดเคราะห์ ต้านภัย เสริมส่งให้การงานการค้ารุ่งเรือง โชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

3.ปีมะเส็ง(งูเล็ก)ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่าร่วมชง และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีมะเส็ง มีดาวมงคลพระจันทร์ "ไท่อิน" และดาวธรณีช่วยแก้ไข "ตี้เจี่ย" ส่องแสงนำทางให้เจริญรุ่งเรือง แต่มีดาวเทพแห่งหายนะ "หวังสึน" และดาวมอดม้วยมลาย "ฉูเป้า" กับดาวกับดักมรณะ "กวันซัว" เข้า มาคุกคามทำให้โชคลาภห่างหายการงานการค้าสะดุดติดขัด สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย ต้องระวังการใช้ชีวิตประจำวันให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุต่างๆ และพึงระวังกับดักหลุมพรางที่ผู้ไม่หวังดีขุดล่อไว้ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีมะเส็งวัตถุมงคลเสริมราศีปีมะเส็งจี้มงคลเสริมราศีปีมะเส็งหากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "มังกรคู่ถวายมุกอัคคี" เพื่อสลายพลังอำนาจของดาวร้าย ขจัดอุปสรรคเคราะห์ภัย เสริมส่งให้การค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นโชคลาภให้สดใส เงินทองไหลมาเทมา มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

4.ปีกุน(หมู)ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่าร่วมชง และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีกุน ปีนี้มีดาวมงคลช่วยส่งเสริมเกื้อหนุนให้มีความเจริญรุ่งเรืองได้รับการสนับ สนุนอุปถัมภ์ค้ำจุน การงานการค้าก้าวหน้าประสบความสำเร็จ แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงจ้องคุกคามอยู่ จึงต้องระวังคำพูดคำจาอย่าไปนินทา ว่าร้ายผู้อื่น ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีอย่าให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และอย่าไปในที่เปลี่ยวตามลำพัง เพราะมีเกณฑ์ว่าอาจถูกทำร้ายปล้นชิงวิ่งราวหรือถูกโจรขโมยขึ้นบ้าน ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีกุนวัตถุมงคลเสริมราศีปีกุนจี้มงคลเสริมราศีปีกุนหากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "น้ำเต้าดูดทรัพย์" เพื่อกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ดูดทรัพย์สินเงินทองให้ไหลมาเทมาเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง ปราศจากอุปสรรคเคราะห์ภัย มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

5.ปีชวด(หนู)ปีนี้คุณมีดาวอัปมงคลรายล้อมสร้างความเสียหายโดยเฉพาะดาวหมาสวรรค์ "เทียนโกว่" ดาวแห่งการสูญเสีย "เตี๊ยวเคอะ" และดาวลูกกรง "ฉิวอี้" ส่งผลให้ดวงชะตามัวหมอง โชคลาภอับเฉา ธุรกิจการงานประสบปัญหามากมาย ทั้งคู่แข่งทางการค้า ปรปักษ์ในที่ลับและที่แจ้ง และต้องระวังอย่าสร้างปัญหาหรือทำผิดกฎหมายมิฉะนั้นจะเป็นการนำภัยเข้าสู่ตัว

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีชวดวัตุมงคลเสริมราศีปีชวดจี้มงคลเสริมราศีปีชวดดั้ง นั้นจึงควรเสริมสิริมงคล เพื่อให้เกิดความปลอดภัย พร้อมทั้งขจัดเภทภัยต่างๆ จึง ควรจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมดวง หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "ฮกลกซิ่ว ค้างคาว กวาง ลูกท้อ" เพื่อสลายพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้สูญสิ้นไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการค้า ตำแหน่งลาภยศเจริญก้าวหน้า โชคลาภเงินทองเพิ่มพูนทวี สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

6.ปีฉลู(วัว) ปีนี้คุณมีดาวมงคลนกคู่แห่งรัก "หงหลวน" โคจรเข้ามาส่งความสุขสดชื่น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง แต่มีดาวป่วยไข้ "ปิ้งฝู" จอมมารแห่งโรคภัยเข้ามาคุกคาม ทำให้สุขภาพอ่อนแอ เจ็บไข้ป่วยง่าย จึงต้องดูแลสุขภาพเอาใจใส่สุขอนามัยเรื่องอาหารการกินให้ดี ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีฉลูวัตถุมงคลเสริมราศีปีฉลูจี้มงคลเสริมราศีปีฉลูหากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดเคราะห์ภัย จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "นกมงคล ทับทิม ไผ่ เหมย" ที่ มีอานุภาพสูงส่งนี้ เพื่อสลายพลังพิฆาตของจอมมารแห่งโรคภัยให้แตกดับไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้ดาวแห่งความรักบันดาลให้ความรักของท่านสดชื่นหวานแหวว มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง พรั่งพร้อมบริบูรณ์ด้วยโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

7.ปีเถาะ(กระต่าย)ปีนี้คุณมีดาวมงคล "พระอาทิตย์" เปล่งรัศมีสดใสนำทางให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่มีดาวทะเลสาบน้ำเค็ม "เสียนฉือ" และดาวพิฆาตแห่งปี "เหนียนซา" คอยคุกคามทำให้เงินทองรั่วไหล โชคลาภถดถอย ฉุดรั้งไม่ให้การงานการค้าลื่นไหล ฝักใฝ่หลงใหลอบายมุขจนสุขภาพเสื่อมโทรม มนุษย์สัมพันธ์บกพร่องเป็นเหตุนำไปสู่การทะเลาะกับผู้อื่น โดยเฉพาะคู่รักหรือภรรยา และคนในครอบครัว ฉะนั้นไม่ควรประมาทหนังสือคู่มือเสริมราศีปีเถาะวัตถุมงคลเสริมราศีปีเถาะจี้มงคลเสริมราศีปีเถาะ

หากคิดแก้ไขให้ออกห่างจากอบายมุขทั้งหลาย จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "กระต่ายรุ่งเรือง พระอาทิตย์เสริมส่ง" เพื่อเสริมสร้างให้ดาวมงคล "พระอาทิตย์" สาดแสงแรงกล้ายิ่งขึ้น เผาผลาญกำจัดสิ่งอัปมงคลต่างๆ ให้สูญสิ้นไปเหลือไว้แต่ความเป็นสิริมงคลเสริมส่งให้การงานการค้ารุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรงตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

8.ปีมะโรง(มังกร,งูใหญ่)ปีนี้คุณมีแต่ดาวอัปมงคลเข้ามาคุกคามโดยเฉพาะดาวประตูมรณะ "ซังเหมิน" ดาวหางเสือดาว “เป้าเหว่ย” และดาวสวรรค์ร้องไห้ "เทียนคู่" ส่งผลทำให้โชคลาภอับเฉา การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า ต้องระวังการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเองดูแลผู้อาวุโสกับเด็กๆ ให้ดีหากเจ็บป่วยต้องรีบพาไปหาหมอรักษา และต้องอยู่อย่างสงบอย่าไปมีเรื่องทะเลาะกับผู้อื่นเพราะจะนำภัยเข้าสู่ตัว อีกทั้งต้องมีความมุ่งมั่นอดทน จึงจะหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีมะโรงวัตถุมงคลเสริมราศีปีมะโรงจี้มงคลเสริมราศีปีมะโรง หากคิดแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "ดอกบัว ปลาทอง ธรรมจักร เสริมส่งความเจริญรุ่งเรือง"เพื่อสลายพลังพิฆาตของดาวร้ายให้หมดไป เสริมส่งให้โชคชะตาสดใสขึ้น การงานการค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นโชคลาภให้เงินทองเพิ่มพูนทวี ปราศจากเคราะห์เหตุโรคภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

9.ปีมะเมีย(ม้า) ปีนี้คุณมีดาวนายพล "เจียงซิง" และดาวสามพลับพลา "ซันไถ" โคจรเข้ามาเสริมส่งให้โชคชะตารุ่งโรจน์สดใส การงานการค้าเจริญก้าวหน้า แต่มีดาวร้ายห้าปีศาจ "อู๋กุ่ย" และดาวคดีความ “กวันฝู” แทรง แซงเข้ามารังควานสร้างความเสียหาย จึงต้องระวังเรื่องเคราะห์ภัยจากการทะเลาะบาดหมางกับผู้อื่น รวมทั้งเรื่องคดีความทำผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ต้องเสียทรัพย์จำนวนมาก ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีมะเมียวัตถุมงคลเสริมราศีปีมะเมียจี้มงคลเสริมราศีปีมะเมียหากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "เรือใบขนสมบัติ" เพื่อคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรืองกระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้มั่งคั่งร่ำ รวย สุขภาพแข็งแรง หมดเคราะห์หมดภัย สุขสบายมีชัยตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

10.ปีมะแม(แพะ) ปีนี้คุณมีดาวสวรรค์ยินดี "เทียนสี่" กับดาวคุณธรรมพระจันทร์ "ย่วยเต๋อ" และ ดาวอานม้า "ปั่นอาน" เปล่งรัศมีสดใสอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้ประสบความเจริญก้าวหน้า ทั้งเรื่องความรัก และการงานการค้า แต่ก็มีดาวมนต์ชั่วร้าย “สื่อฝู” กับดาวละลายทรัพย์ "เสี่ยวห้าว" และดาวหม้าย "กว่าซู่" มาขัดขวางรังควานทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย มีอุบัติเหตุเคราะห์ภัย และเงินทองรั่วไหลออกง่าย ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาทหนังสือคู่มือเสริมราศีปีมะแมวัตถุมงคลเสริมราศีปีมะแมจี้มงคลเสริมราศีปีมะแม

หากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "เต่านำโชค กระเรียน อายุวัฒนะ" ที่มีอานุภาพสูงส่ง เพื่อสลายอิทธิพลพลังร้ายให้หมดไป พร้อมทั้งเสริมส่งความรักให้หวานชื่น การงาน การค้าเจริญก้าวหน้า มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

11.ระกา(ไก่)ปีนี้คุณมีดาวดอกไม้จักรพรรดิ "จื่อเว่ย" และดาวคุณธรรมมังกร "หลงเต๋อ" เปล่ง รัศมีอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้การงานก้าวหน้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การค้าเจริญรุ่งเรืองมีกำไรงดงาม แต่มีดาวทำลายให้พ่ายแพ้ "เป้าไป้" และดาวหกร้าย "ลิ่วห้าย" คอยจ้องทำลาย จึงต้องระวังคู่แข่งปรปักษ์ยอดขายตกต่ำ การผลิตที่ผิดพลาด ทำให้สูญเสียโอกาสที่ดีไป

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีระกาวัตถุมงคลเสริมราศีปีระกาจี้มงคลเสริมราศีปีระกาฉะนั้นจึงควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "หอยสังข์ หยวนเปา ดอกบัว เสริมส่งโชคลาภ" เพื่อเสริมสร้างการงานให้เจริญก้าวหน้าได้เลื่อนตำแหน่ง การค้าเจริญรุ่งเรืองกระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หมดเคราะห์หมดภัย มีสุขภาพแข็งแรงสุขสบายมีชัยตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

12.ปีจอ(สุนัข)ปีนี้ดวงชะตาไม่ค่อยสดใส เนื่องจากมีดาวอัปมงคลรุมล้อมสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะดาวเสือขาว "ไป๋หู่" ที่จะส่งผลทำให้เกิดเคราะห์ภัยต่างๆ อย่างไม่ทันรู้ตัว หน้าที่การงาน และธุรกิจการค้ามีอุปสรรค โชคลาภอับเฉา สุขภาพอ่อนแอ จึงต้องระวังอย่าประมาท

หนังสือคู่มือเสริมราศีปีจอวัตถุมงคลเสริมราศีปีจอจี้มงคลเสริมราศีปีจอฉะนั้นหากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ เสริมส่งโชคลาภให้สดใส ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "สิงโตมีปีก คุ้มภัยพิทักษ์ทรัพย์" เพื่อกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ให้เงินทองไหลมาเทมา การงานการค้ามีความเจริญก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี หรือจะหาเครื่องรางปีนักษัตรที่เสริมดวงเฉพาะเรื่องไปเลย

ตรุษจีน ปี2553 ทุกราศีควรไปไหว้ เทพเจ้าเสริมดวงชะตา ดังนี้

ปีชวด(หนู) ให้ไปไหว้ขอพร "องค์ซำกวง" หรือ "เทพ 3 ตา" วัดทิพย์วารี หลังจราจรกลาง ถ.ตรีเพชร กรุงเทพ

ปีฉลู(วัว) ให้ไปไหว้ขอพร "เทพหั่วท้อ" หรือ "หมออูโต๋ว" (หมดเทวดา) ที่วัดทิพย์วารี หลังจราจรกลาง ถ.ตรีเพชร กทม.

ปีขาล(เสือ) ให้ไปไหว้ขอพร "ไท้ส่วยเอี๊ย" ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส(ทำแก้ชง)

ปีเถาะ(กระต่าย) ให้ไปไหว้ขอพร "เทพเจ้าไท้เอี๊ยง" ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส หรือ วัดทิพย์วารี หลังจราจรกลาง ถ.ตรีเพชร กทม.

ปีมะโรง(งูใหญ่) ให้ไปไหว้ขอพร "เทพเทียงเต็ก" ไหว้ฟ้าดิน หรือไหว้ที่เสาทีกง ได้ทุกศาลเจ้า

ปีมะเส็ง(งูเล็ก) ให้ไปไหว้ขอพร "ไท้ส่วยเอี๊ย" ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส(ทำแก้ชง) "องค์ไท้อิม" ที่วัดทิพย์วารี หลังจราจรกลาง ถ.ตรีเพชร กทม.

ปีมะเมีย(ม้า) ให้ไปไหว้ขอพร "องค์เจี้ยงแซ" ไหว้ "เทพเจ้ากวนอู" ที่ ศาลเจ้ากวนตี่ เยาวราช หรือที่ไหนก็ได้ที่มี

ปีมะแม(แพะ) ให้ไปไหว้ขอพร "เทพห่วยเต็ก" ไหว้ "เจ้าแม่กวนอิม" ที่ มูลนิธิเทียนฟ้า เยาวราช หรือทุกศาลเจ้าที่มี

ปีวอก(ลิง) ให้ไปไหว้ขอพร "ไท้ส่วยเอี๊ย" ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส(ทำแก้ชง)

ปีระกา(ไก่) ให้ไปไหว้ขอพร "เทพเหล่งเต็ก" ไหว้ "องค์แป๊ะกง" ได้ทุกศาลเจ้าที่มีแป๊ะกง

ปีจอ(หมา) ให้ไปไหว้ขอพร "องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย" ได้ทุกศาลเจ้าที่มีเจ้าพ่อเสือ

ปีกุน(หมู) ให้ไปไหว้ขอพร "ไท้ส่วยเอี๊ย" ที่ศาลเจ้าเล่งเน่ยยี่ มังกรกมลาวาส(ทำแก้ชง) "องค์กวนอู" ไหว้ "เทพเจ้ากวนอู" ที่ ศาลเจ้ากวนตี่ เยาวราช หรือ ที่ไหนก็ได้ที่มี

ถ้าไม่สามารถไปไหว้เทพเจ้าเสริมดวงชะตาตามที่แนะนำตามศาลเจ้าที่บอกได้ให้ดูตาม ศาลเจ้าหรือวัดใกล้บ้านที่มีเทพเจ้าเสริมดวงชะตาตามปีเกิดของคุณ แล้วขอพรจากองค์เทพนั้นโดยตรง โดยอธิฐานดังนี้

ข้าพเจ้า ขอกราบบูชาและต้อนรับ".....(ชื่อเทพเจ้าที่เสริมดวงชะตาปี2553 ประจำปีเกิดของคุณ)" ซึ่งมาสถิตในเรือนชะตาของ ข้าพเจ้า (ชื่อ-นามสกุล) ด้วยความศรัทธายิ่งขอได้โปรดประทานพรให้ข้าพเจ้า ปราศจากอุปสรรค แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง พร้อมทั้งประทานความสำเร็จ ความสุขความเจริญ มีสิริมงคล สุขภาพแข็งแรง และโชคดีตลอดปี2553 แก่ข้าพเจ้า เทอญ...สาธุ

ที่มา : www.kapook.com

Diet ง่ายๆ สไตล์ญี่ปุ่น


สาวญี่ปุ่นมีเคล็ดลับอย่างไรในการรักษาทรวดทรงองค์เอว คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหาร ของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง

เคยสังเกตกันไหมว่า สาวญี่ปุ่นนอกจากจะคงความโนะเนะ น่ารักของวัยใสไว้ได้จนกระทั่ง เข้าวัยกลางคนแล้ว เธอยังคงทรวดทรงงดงาม อ้อนแอ้นตามแบบหญิงเอเชีย ไม่อ้วนเผละไปตามวัยที่เพิ่มขึ้น หรือพกห่วงยางไว้ให้อุ่นใจ ยามเตร็ดเตร่แถวชายทะเล เหมือนสาวประเทศอื่นๆ พวกเธอมีเคล็ดลับอย่างไร ในการรักษาทรวดทรงองค์เอว ให้อ้อนแอ้นอรชรเหมือนสาวแรกรุ่น ตลอดเวลากันแน่ คำตอบง่ายๆ คือ วิธีการรับประทานอาหาร ของพวกเธอในแต่ละวันนั่นเอง เคล็ดลับที่จะนำเสนอนั้น นอกจากจะ ใช้ได้กับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ยังปรับใช้ได้กับอาหารไทยอีกด้วย


- เริ่มจากการเลือกถ้วยชามชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้วยชามที่เหมาะสมกับการรับ ประทานอาหารแต่ละมื้อ คือถ้วยชามที่มีสีออกแนวเอิร์ธโทนอย่างเช่น ขาว ดำ เทา เพราะอาหารเป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นจากธรรมชาติ ความลงตัวของศิลปะในการกินจึงเป็นเรื่องสำคัญ

- นอกจากนั้น ถ้วยชามที่ใช้ควรมีขนาดเล็ก ไม่ควรใช้จานเปลใหญ่ในการตักอาหาร เพราะเป็นหลักจิตวิทยาว่า ถ้าคนเห็นอาหารเต็มชาม แม้ชามจะขนาดเล็กกว่าปกติ จะทำให้คนเราอิ่มได้เร็วขึ้น ดังนั้น ควรลดขนาดภาชนะบนโต๊ะอาหารลงเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้ฮิปโปโปเตมัสเข้าใจว่าคุณเป็นผู้ให้กำเนิด

- การใช้ตะเกียบพุ้ยข้าว จะทำให้คุณกินข้าวได้ช้าลง และปริมาณน้อยลง เนื่องจาก สมองรับรู้ความอิ่มหลังจากที่ร่างกายอิ่มไปแล้วประมาณสิบนาที เมื่อคุณทานช้าลง ระยะเวลาสิบนาทีของการประสานงานระหว่างสมองกับร่างกายจึงไม่มากพอทีจะทำให้ คุณ ยัดทะนานจนกระทั่งจุกนั่นเอง

- การกินอาหารหลากหลายประเภทพร้อมกับข้าว จะทำให้ร่างกายใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้น เนื่องจากความหลากหลายของพลังงานจะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ทำงานตลอด เวลา เพราะร่างกายจะคิดว่า มีอาหารชนิดใหม่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นจึงควรใช้ภาชนะขนาดเล็กตักกับข้าวหลากหลายเพื่อรับประทานในหนึ่งมื้อ มากกว่าตักอาหารชนิดเดียวใส่ชามอ่าง แม้จะอิ่มเหมือนกัน แต่อ้วนไม่เหมือนกันแน่นอน

ที่มา : http://www.numwan.com

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

คิดบวก ชีวิตบวก แนวคิด จากท่าน ว. วชิรเมธี


เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ(perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงมีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจนความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง

เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

ที่มา: มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว

ประโยชน์ของฝันกลางวัน


นักวิจัยค้นพบสัญญาณที่สามารถบอกได้ว่าผู้ที่สมองได้รับความเสียหายรุนแรงนั้น สมองของเขาจะสามารถกู้จิตใต้สำนึกกลับคืนมาได้หรือไม่ และสัญญาณที่ว่านี้ก็คืออาการของการฝันกลางวัน

ทีมวิจัยจากประเทศเบลเยี่ยม บอกว่าปฏิกิริยาของสมองบริเวณที่เรียกว่า Default Network นั้นตรงกันกับระดับของจิตใต้สำนึกในผู้ป่วย และ Default Network นี้ก็เกี่ยวข้องกับการฝันกลางวันด้วย ซึ่งถ้าการทำงานของสมองส่วนนี้ยังมีอยู่ หนทางในการรักษาก็ยังพอมีโอกาส

คุณหมอสตีเวน ลอเรย์ หัวหน้าทีม ได้ใช้วิธีวัดปฏิกิริยาการทำงานของสมองของผู้ป่วยด้านสมอง 13 รายที่มีความแตกต่างกัน คือผู้ป่วยที่ยังมีสติแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม ผู้ป่วยโคม่าหรือผู้ป่วยที่ขยับเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นอนนิ่งเฉยๆ และผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าสมองตายแล้ว

สิ่งที่พบคือผู้ป่วยที่มีสติน้อยนิดนั้น สมองส่วน Default Network มีปฏิกิริยาการทำงานหล่นจากสมองของคนปกติไปประมาณ 10% ส่วนสมองของผู้ป่วยโคม่า การทำงานของสมองส่วนดังกล่าวหล่นไปมากกว่าประมาณ 35% จากคนปกติ และในสมองที่ตายแล้วไม่พบปฏิกิริยาการทำงานใดๆ

การค้นพบนี้จะเป็นแนวทางให้การรักษาเยียวยาผู้ป่วยที่สมองได้รับบาดเจ็บนั้นยังพอมีหนทางอยู่โดยวัดจากการทำงานของสมองไม่ใช่วัดจากอาการมีสติหรือหมดสติของผู้ป่วยได้

ที่มา: นิตยสารรักลูก

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

เตือนนั่งดูทีวีนานเกินทำให้ตายเร็วขึ้น


ผลการวิจัยของสถาบันโรคหัวใจและเบาหวาน เบเกอร์ ไอดีไอ ในรัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ที่เผยแพร่ในวารสารสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน เมื่อวันที่ 12 มกราคม ระบุว่า การนั่งดูโทรทัศน์เป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวันอาจจะทำให้อายุสั้นลงได้ โดยจากการตามดูพฤติกรรมของผู้ใหญ่จำนวน 8,800 คน พบว่า ทุกๆ ชั่วโมงที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 11 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มความเสี่ยงจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 9 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะตายเพราะโรคเกี่ยวกับหัวใจอีก 18 เปอร์เซ็นต์



ผลการวิจัยระบุด้วยว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่นั่งดูโทรทัศน์ไม่ถึง 2 ชั่วโมงต่อวัน พบว่าคนที่ใช้เวลานั่งหน้าจอโทรทัศน์มากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน เสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากทุกสาเหตุมากกว่ากลุ่มดูโทรทัศน์ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ถึง 46 เปอร์เซนต์ และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวกับหัวใจมากกว่าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เป็นไปตามปัจจัยที่สนับสนุนทำให้เกิดโรคทั้งหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นต้น

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

เตือนเด็กผู้หญิงกับการ “ลดหุ่น”


เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูก

นักวิจัยในอังกฤษเตือนว่า เด็กผู้หญิงที่ควบคุมอาหารเพื่อลดหุ่นเหลือ "ไซส์ศูนย์" ทำให้กระดูกอ่อนแอแตกหักง่าย



ความ แข็งแรงของกระดูกนั้นเกี่ยวข้องกับระดับไขมัน งานวิจัยพัฒนาการในเด็กพบว่า ปริมาณไขมันมีความสำคัญต่อการพัฒนาของกระดูกในเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย



เป็น ที่รู้กันมานานแล้วว่า การมีรูปร่างผอมแห้งทำให้เนื้อกระดูกบางลงเร็วเกินวัย ผลการศึกษาล่าสุดได้ช่วยให้เข้าใจว่า ทำไมกระดูกจึงมีความแข็งแรงลดน้อยลง



ทีม วิจัยของมหาวิทยาลัยบริสตอลได้ศึกษาเด็กอายุ 15 ปีจำนวนกว่า 4,000 คน ทำการสแกนกระดูกของเด็กเหล่านี้ เพื่อคำนวณรูปร่างและความหนาแน่นของกระดูก รวมทั้งปริมาณไขมันในร่างกายของเด็กๆ



พบ ว่า คนที่มีไขมันมากมักมีกระดูกหนา โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กผู้หญิงถ้าเด็กผู้หญิงมีไขมันเพิ่มขึ้น 5 กก. ก็จะมีกระดูกขาท่อนล่างหนาขึ้น 8%



เนื่องจากเด็กผู้หญิงมักมีไขมันสูงกว่าเด็กผู้ชายแม้มีน้ำหนักตัวปกติ งานวิจัยพบว่า ไขมันมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาของกระดูกของเพศหญิง



มวลกระดูกจะยังคงเพิ่มขึ้นช้าๆ ในวัย 20 แต่หลังจากอายุ 35 ปีไปแล้ว กระดูกจะเริ่มบางลงเนื่องจากกระบวนการชราภาพ



การ สร้างความแข็งแรงแก่กระดูกนับเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง เพราะผู้หญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3 เท่าที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน และมีโอกาสมากกว่าผู้ชายที่จะมีอาการกระดูกสะโพกแตกเมื่อถึงวัยสูงอายุ



ศาสตราจารย์ จอน โทเบียส หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า เด็กหญิงวัยรุ่นถูกกดดันให้เป็นคนผอม แต่ต้องเข้าใจว่าการลดหุ่นอาจเป็นอันตรายต่อการพัฒนาโครงกระดูก และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อโรคกระดูกพรุน



"หลาย คนคิดว่า การออกกำลังกายทำให้น้ำหนักตัวลดลงและทำให้กระดูกแข็งแรง แต่นี่เป็นความจริงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราออกกำลังกายแบบมีการกระแทกต่ำ เช่น เดิน ก็อาจช่วยลดไขมันได้ แต่จะไม่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ต้องมีการออกกำลังกายที่มีการกระแทกด้วย เช่น วิ่ง กระโดด"



บรรดา แพทย์ได้ออกมาเตือนเมื่อปีที่แล้วว่า พวกสุดยอดนางแบบ "ไซส์ศูนย์" นั้น ไม่เพียงบั่นทอนภาวะเจริญพันธุ์และสุขภาพของตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างไม่ดีสำหรับพวกเด็กสาวๆ ด้วย



ข้อ ค้นพบล่าสุดนี้มาจากงานศึกษาที่มีชื่อว่า เด็กในทศวรรษ 90 ซึ่งได้รับบรรดาคุณแม่ 14,000 คนที่ตั้งครรภ์ในช่วงปี ค.ศ. 1991-1992 เข้าร่วมโครงการวิจัย แล้วติดตามภาวะสุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเด็กและแม่อย่างต่อเนื่อง



งาน วิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่า เด็กผู้หญิงไม่ได้กินแคลเซียมหรือวิตามินดีมากพอแก่การสร้างกระดูกที่แข็ง แรง โดยได้รับต่ำกว่าระดับแนะนำถึง 20% และการออกกำลังกายก็มีน้อยเกินไปสำหรับการเสริมสร้างความเติบโตของกระดูก ด้วย


ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

มาดูแฟชั่นชุดทำงานสวยๆ กันดีกว่า

แฟชั่นชุดทำงานสมัยนี้มีมาให้สาวๆ ได้เลือกสวมใส่อย่างมากมายเหมือนเป็นการเพิ่มสีสันและลูกเล่นให้หลุดจากชุดยูนิฟอร์มสีทึมๆ ทรงเชยๆ วันนี้เลยเอาภาพแฟชั่นชุดทำงานน่ารักๆ มาฝากกันค่ะ
















วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

เทรนด์ตาแบ๊ว แบบสาวเกาหลี



เดี๋ยวนี้เทรนด์ ความงามสไตล์ดารานักร้องเกาหลีอย่าง ขนตาปลอม ยืดขนตา เลนส์ตาโต กำลังมาแรง พร้อมๆ กับกระแสข่าวจากวงการแพทย์ว่าเทรนด์ตาแบ๊วเหล่านี้อาจเป็นทางลัดสู่การทำลาย สุขภาพของดวงตาคุณได้ หากใช้ไม่ถูกวิธี

ขนตาปลอม

นอกจากจะทำให้ดวงตาดูโดดเด่นขึ้นแล้ว แถมยังมีผลพลอยได้ตรงที่ช่วยลดการขยี้ตา ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดริ้วรอยได้อีกต่อหนึ่ง

ข้อเสีย :
เนื่องจากบริเวณที่ติดขนตาอยู่ใกล้กับดวงตาซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวหนังบางมาก ที่สุดจุดหนึ่ง การติดขนตาต้องใช้กาวเป็นตัวยึดซึ่งบางคนอาจมีอาการแพ้สารบางอย่างในกาว เช่น เป็นผื่นแดง มีตุ่มใส อักเสบ ตาบวม เป็นต้น หากมีอาการดังกล่าวควรหยุดการใช้และไปพบแพทย์ทันที นอกจากอาการแพ้แล้วการติดขนตาปลอมยังอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

- เปลือกตาอักเสบหรือหนังตาอักเสบ (Blepharitis)
- การงอกของขนตาผิดเพี้ยนไปจากตำแหน่งเดิมบริเวณเปลือกตา (Distichiasis)
- อาการขนตาคุดหรือมีอาการขนตางอกขึ้นผิดทิศทางเพราะถูกกดทับจากขนตาปลอม (Trichiasis) เช่น งอกเข้าไปในดวงตาทำให้เกิดการระคายเคือง
- อาการตากุ้งยิง เนื่องจากต่อมขนตาเกิดการอักเสบเป็นหนอง (An external hordeolum)
- การอักเสบที่เกิดการอุดตันเนื่องจากตัวไรที่อาศัยอยู่ตามขนตาและรูขุมขนบนใบ หน้า (Demodex folliculorum) ซึ่ง 98 เปอร์เซ็นต์ของคนปกติจะมีไรชนิดนี้อาศัยอยู่ การติดขนตาปลอมเป็นการเพิ่มปริมาณของไร ส่งผลให้เกิดการอักเสบ

How to
- ควรเลือกกาวที่มีคุณภาพดี บางชนิดมีสารบำรุงขนตาผสม แม้จะมีราคาสูงกว่าแต่ลดปัญหาระคายเคืองได้
- เมื่อเกิดการแพ้หรือระคายเคืองต้องหยุดใช้ หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
- ไม่ควรใช้ขนตาปลอมร่วมกับคนอื่น และต้องรักษาความสะอาดเมื่อนำมาใช้ซ้ำ

ยืดขนตา

การยืดขนตาช่วยทำให้ขนตาดูยาวขึ้น โดยใช้หลักการเดียวกับการปัดมาสคาร่าให้ขนตายืดเหยียด ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้าและอยู่ได้นานกว่าการติดขนตาปลอม คือ ประมาณ 2 สัปดาห์ไปจนถึง 1 เดือน ใช้เวลาในการทำประมาณ 1 ชั่วโมง

ข้อเสีย :
การยืดขนตาปลอมยังมีค่าใช้จ่ายสูง คือ 1,500-3,000 บาท หากผู้ให้บริการขาดความชำนาญอาจทำให้สารเคมีที่ใช้ยืดขนตาไหลเข้าไปในตาทำ ให้เส้นเลือดฝอยแตก หรือเกิดการระคายเคืองได้

How to
- ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
- เช่นเดียวกับการใช้ขนตาปลอม หากเกิดการระคายเคืองต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
เลนส์ตาโต

คอนแทคเลนส์ชนิดตาโต หรือที่วัยรุ่นเรียกกันว่า “บิ๊กอาย”จะเหมือนกับคอนแทคเลนส์แฟชั่นสมัยก่อนที่มีสีสันให้เลือกมากมาย แต่ที่แตกต่างคือ เลนส์สีบริเวณตรงกลางดวงตาจะเป็นเลนส์ใสปกติแต่บริเวณขอบเลนส์จะมีสีดำ ทำให้ขอบตาคุณดูชัดมากขึ้น มีราคาตั้งแต่ 450 – 2,000 บาท

ข้อเสีย :
มีวัยรุ่นบางกลุ่มนิยมซื้อมาแลกกันใส่คนละข้างซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อของ โรคติดต่อบางชนิด เชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งเชื้อเอดส์ แฟชั่น Big eyes จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก การใส่คอนแทคเลนส์เป็นการสัมผัสกับกระจกตาชั้นผิวนอก (Epithelium) โดยตรงหากไม่ระวังเรื่องความสะอาดอาจเกิดการติดเชื้อที่กระจกตาและลุกลามได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา อาจส่งผลให้ต้องสูญเสียดวงตา

How to
- ไม่ควรใส่ติดต่อกันนานเกิน 8-10 ชั่วโมง และไม่ควรใส่ขณะนอนหลับ เนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานจะทำให้ตาได้รับออกซิเจนน้อยลง ทำห้เกิดอาการตามัวชั่วคราว เซลล์ผิวชั้นนอกของกระจกตาจะเสื่อมและทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติจนเกิด การติดเชื้อลุกลามได้

- ล้างกล่องแช่คอนแทคเลนส์ให้สะอาดทุกครั้งและผึ่งให้แห้งเพื่อป้องกันการสะสม ของคราบโปรตีนและเชื้อแบคทีเรียสิ่งสกปรกต่างๆ

- ไม่ควรขยี้ตาขณะใส่คอนแทคเลนส์ เพราะคอนแทคเลนส์จะเสียดสีกับกระจกตาจนเกิดเป็นแผลที่กระจกตาและติดเชื้อได้ หากระคายเคืองควรใช้การกะพริบตา หรือควรถอดออกและลืมตาในน้ำสะอาด

- เลือกซื้อคอนแทคเลนส์ที่ได้รับมาตรฐานจากร้านที่มีที่ตั้งชัดเจน เพราะคอนแทคเลนส์ราคาถูกที่ขายทั่วไปอาจเหลืออายุการใช้งานไม่ตรงกับที่ระบุ ไว้ข้างกล่อง หรือผ่านการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน

ที่มา : health&cuisine

ทรงผม ถูกโฉลกกับปีเกิด!!


สาวปีชวด
ทรงผมสั้น และซอยให้ดูเก๋คล่องตัวแบบสาวสมัยใหม่จะเหมาะกับเธอมาก ยิ่งถ้าได้ทำสีน้ำตาลอ่อนหรือสีบลอนด์ด้วยแล้วล่ะก็ จะเพิ่มความหวานให้ดูดี ไม่แพ้ใครเลยทีเดียว

สาวปีฉลู
ปล่อยผมยาวสยาย หรือในเวลาทำงานก็ให้รวบตึงไว้ด้านหลังแบบเรียบๆ บวกกับสีผมในโทนเข้มขรึมไม่จัดจ้าน จะเหมาะกับบุคลิกของเธอเป็นที่สุด

สาวปีขาล
ทรง ผมที่ดูอินเทรนด์ทันสมัย อย่างผมบ๊อบแนวเฉียง หรือตัดม้าตรงแบบไม่ต้องซอย บวกกับสีผมโทนเข้ม หรือสีธรรมชาติ คือทรงผมที่ดูเหมาะกับเธอ

สาวปีเถาะ
ทรง ผมที่เหมาะกับเธอที่สุดคือผมสั้น (ความยาวไม่เกินบ่า) และซอยปลายให้ดูพลิ้วไหวดุจสาวหวานแต่แฝงไว้ด้วยความทะมัดทะแมงบวกกับสีผม ธรรมชาติ หรือไฮไลท์สีบลอนด์อ่อน

สาวปีมะโรง
สาว ที่เกิดปีนี้ ควรดัดผมหยิกลอนให้ดูเปรี้ยวและทันสมัย อาจจะเป็นลอนใหญ่สักนิด และมีความยาวเลยบ่าลงไป บวกกับผมสีธรรมชาติที่ไม่มีการแต่งเติมไฮไลท์ จะถูกโฉลกกับเธอที่สุด

สาวปีมะเส็ง
ผม ยาวเหยียดตรงแบบมันเงาดั่งสาวสุขภาพดีดูเหมาะกับเธอที่สุด ยิ่งถ้าทำผมสีดำหรือน้ำเงินเข้มแล้ว จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูเป็นสาวมั่นยิ่งขึ้น

สาวปีมะเมีย
ทรง ผมที่เหมาะกับเธอคือ ผมที่ดูเซอร์ๆ ออกแนวยุ่งๆ ฟูๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ แต่ดูมีสไตล์ (ไม่ใช่ยุ่งเหมือนเพิ่งตื่นนอนนะ) แล้วเติมไฮไลท์สีบลอนด์หรือแดงเข้าไป เพื่อเพิ่มความทันสมัยและคล่องแคล่ว

สาวปีมะแม
ทรง ผมแบบปล่อยยาวและดัดเป็นลอนเล็กๆ แนวสาวยิปซี หรือจะมุ่นขึ้นไปปักปิ่น และปล่อยปอยผมลงมาคลอเคลียหน้าให้ดูเซ็กซี่ บวกกับเฉดสีน้ำตาลแบบธรรมชาติ จะถูกโฉลกกับเธอเป็นอย่างยิ่ง

สาวปีระกา
ทรง ผมที่จัดง่ายไม่ต้องใช้เวลานาน อย่างบ๊อบสั้นๆ สไลด์ช่วงปลายเล็กน้อย และทำสีเฉดอ่อน ๆ อย่างน้ำตาลหรือบลอนด์อ่อน จะเหมาะกับเธอที่สุด

สาวปีจอ
ทรง ผมแนวเซ็กซี่ อย่างการม้วนลอนปลายผมให้ดูสยายเคลียช่วงไหล่ หรือปล่อยผมลงมาปิดใบหน้าบริเวณด้านข้างสักเล็กน้อย จะเหมาะสมกับเธอมาก ที่สำคัญอย่าลืมทำสีน้ำตาลธรรมชาติด้วยล่ะ

สาวปีกุน
เธอเหมาะสมกับทรงผมแบบธรรมชาติ จัดแต่งทรงง่าย อย่างผมตรงสยายแล้วรวบไว้อย่างหลวมๆเวลาทำงาน และทำสีเข้มแบบธรรมชาติ จะถูกโฉลกเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา : mthai.com

เดินเท้าเปล่า อายุยืน


ว่ากันว่าเคล็ดลับหนึ่งที่ทำให้คนโบร่ำโบราณอายุยืนมาจากการเดินเท้าเปล่า

ในคอลัมน์ "ทันโลกสุขภาพ" นิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับม.ค. โดย อังคณา ทองพูล อ้างอิงจาก www.timesonline.co.uk ถอดความมาให้อ่าน

เธอบอกว่า เมื่อไม่นานมานี้ ชาวตะวันตกตื่นตัวกันมากเรื่องการเดินเท้าเปล่า

ไม่เพียงแต่ตื่นตัวเท่านั้น หากเริ่มลงมือศึกษาถึงคุณประโยชน์ของการเดินเปลือยเท้ากันอย่างจริงจัง

ล่าสุด ในประเทศอังกฤษ มีการเปิดสวนสาธารณะในสไตล์อิตาเลียนของเทรนด์แฮมเอสเตท เมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ โดยจัดพื้นผิวทางเดินเท้าหลายๆ แบบ มีทั้งพื้นที่เป็นโคลนตม เศษไม้ เปลือกไม้ ฟาง ก้อนกรวด ทรายนุ่ม

ตลอดจนจัดเป็นลำธารน้ำอุ่นเล็กๆ เป็นระยะทางยาวถึง 1 กิโลเมตร ให้คนมาทดลองเดินเปลือยเท้าดู

มีผู้เชี่ยวชาญมากมายให้ความเห็นถึงประโยชน์ของการเดินเท้าเปล่าที่มีต่อสุขภาพด้านต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

อลิ ซาเบท มาราซิตา ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดกดจุดและออกแบบสวนสาธารณะสำหรับเดินด้วยเท้าเปล่า แห่งแรกในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อ้างถึงการศึกษาชิ้นหนึ่งในวารสาร "Journal of the American Geriatrics Society" ให้คำแนะนำว่า การเดินด้วยเท้าเปล่าๆ บนทางที่ได้นวดเท้าไปในตัว สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ช่วยลดระดับความดันโลหิตได้

ทั้งยังช่วยเพิ่มความสมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดี

ดร.คริสติน ดอนเนลลี อาจารย์ผู้บรรยายการบำบัดแบบผสมผสาน มหาวิทยาลัยเนเปียร์ เมืองเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ ให้ข้อมูลว่า ผู้สูงอายุในฮ่องกงบอกว่า การเดินเท้าเปล่าช่วยล้างพิษออกจากร่างกาย และช่วยให้อายุยืนยาว

ขณะที่ ฮิวจ์ รูนีย์ อาจารย์ผู้บรรยายวิชาการนวดกดจุดแห่งมหาวิทยาลัยเนเปียร์เช่นกัน เปิดเผยว่า มีงานวิจัย 2 ชิ้น พบว่า เมื่อจุดบนฝ่าเท้าที่เป็นจุดสะท้อนไปถึงไตและลำไส้เล็กถูกกระตุ้น การไหลเวียนของเลือดที่ไตและลำไส้จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ในเมือง การเดินเท้าเปล่าไปเรื่อยๆ คงไม่เหมาะสมแน่

หากใครมีสวนเล็กๆ ในบ้าน หรือเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดตามป่าเขา ลองเปลือยเท้าสัมผัสผิวดิน ย่ำยอดหญ้า ทำตัวเป็น "คนติดดิน" ดูบ้าง

อาจจะเกิดความรู้สึกใหม่ๆ ขึ้นก็ได้ในชีวิต

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

อาหารที่คนทำงานต้องไม่พลาด


หนุ่มสาวที่ต้องทำงานอยู่ในออฟฟิศทุกๆ วัน ควรได้รับอาหารเสริมอย่างเต็มที่ มาดูกันว่า อาหารอะไรบ้างที่เหมาะกับคนทำงานอย่างเราๆ ค่ะ

1. ข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีวิตามินบีและอีสูง จึงช่วยเพิ่มพลังสมองในการทำงานช่วยป้องกันโรคเหน็บชาที่คนที่ต้องนั่งโต๊ะ ทำงานนานๆ มักจะเป็นกัน แถมยังป้องกันโรคสมองเสื่อมในอนาคตได้ด้วย

2. วิตามินบี มีอีกชื่อหนึ่งว่า "สารให้ความกระปี้กระเปร่า" มีอยู่ในข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท จมูกข้าว ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม กล้วย ส้ม เป็นต้น สาวๆ ที่ทำงานนานจนล้าห้ามพลาด

3. วิตามินซี ที่อยู่ในผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ น้ำส้มคั้น มะละกอ บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ถั่วงอก ฯลฯ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากในการสร้างฮอร์โมนระงับความเครียด จะได้ทำงานอย่างสดใสไปทั้งวันเลย

4. น้ำมันปลา หรือโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ไขข้ออักเสบ ช่วยลดอาการปวดรอบเดือนและระงับอาการซึมเศร้า เบื่อหน่ายจากการทำงานได้ด้วย

5. ผักใบเขียวอย่างตำลึง คะน้า เป็นอาหารกลุ่มโครินที่มีวิตามินบี ซึ่งช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ

6. ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันอาการอ่อนเพลีย และการเป็นตะคริวจากการนั่งหรือยืนนานๆ แถมยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสด้วย สาวๆ ที่ทำงานในห้องแอร์ตลอดวันยิ่งควรดื่มบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง

7.น้ำใบบัวบก ทำงานมาทั้งวันช่วงบ่าย สาวๆ ก็คงจะเพลีย ขอแนะนำให้ดื่มน้ำใบบัวบกเพราะเป็นน้ำเพิ่มพลังชั้นยอด เป็นยาบำรุงแก้อ่อนเพลียช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เสริมสร้างความจำและช่วยให้สมองทำงานได้ดีด้วย

8. ทานของหวานหลังอาหารกลางวัน จะทำคงความสดชื่นได้ยาวนานขึ้น เพราะรสเปรี้ยวและรสหวานนั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในร่างกาย ยิ่งตอนบ่ายๆ อาจจะง่วง ผลไม่รสเปรี้ยวคือคำตอบของคุณ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ จะกระตุ้นให้สาวๆ กระปรี้กระเปร่าขึ้นได้

9. ถั่ว ยิ่งคนที่ต้องใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืองานที่ต้องใช้สายตานานๆ ควรมีถั่วติดโต๊ะไว้ด้วย เพราะถั่วมีวิตามินบี 2 บำรุงสายตาได้ดี

10. วิตามินซีและธาตุเหล็ก เพราะเวลาที่มีรอบเดือนร่างกายจะขาดธาตุเหล็ก ทำให้เหนื่อยง่าย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิช่วงนั้นของเดือนจึงเป็นเวลาที่สาวๆ อย่างเราต้องทางวิตามินซี และธาตุเหล็กมากๆ วิตามินซีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น

11. ชาเขียว นอกจากจะทำให้ลมหายใจสดชื่นไม่มีกลิ่นปากแล้ว ถึงชาเขียวที่ทานแล้วยังช่วยลดมลพิษในห้องทำงานได้ด้วย แค่วางทิ้งไว้เฉยๆ มันก็จะดูดฝุ่นละอองให้เราเอง ทำให้ลดการเป็นภูมิแพ้ไปโดยอัติโนมัติ

12.ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัดในมือเช้า เพราะในตอนเช้าร่างกายของเรายังปรับตัวไม่ทันกับรสชาติเผ็ดร้อน เช้าๆ ควรทานเป็นอาหารรสกลางๆ ไปก่อนจะดีกว่า

13. ดื่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว ก่อนจะดื่มกาแฟควรดื่มน้ำผลไม้ก่อน 1 แก้ว เพราะการดื่มกาแฟโดยที่ไม่มีอะไรรองท้องจะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้ ไม่นาน หลังจากนั้นจะกลับมาง่วงเหมือนเดิม และไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 3 แก้วต่อวัน เพื่อไม่ให้ได้รับคาแฟอีนมากเกินไป

14. งดชากาแฟในเวลาเย็น เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับ ส่งผลให้สมองพักผ่อนไม่เพียงพอ พอตื่นขึ้นมาสมองก็จะล้า คิดอะไรไม่ออกทำงานได้ไม่เต็มที่

15. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มและมันจัดในมื้อเที่ยง เพราะอาหารที่มีไขมันสูงหรือเค็มจะทำให้เกิดการสะสม มีผลให้ร่างกายเคลื่อนไหวช้า ขาดความคล่องตัวที่คนทำงานต้องมี

ที่มา : www.mcot.net

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

สวยสั่งได้ ด้วยโยคะ


การฝึกโยคะมีผลต่อจิตของกายในทุกๆ ด้าน เช่น ด้านร่างกาย โดยผ่อนคลาย รักษา และสร้างความแข็งแรง ยืดเส้นยืดสายระบบกระดูก กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหัวใจ ระบบการย่อยอาหาร ต่อมต่างๆ ในร่างกาย และระบบประสาท ผลทางด้านจิตใจ จะเกิดผ่านการสร้างจิตใจที่สงบ ความตื่นตัวและสมาธิ ผลทางด้านจิตวิญญาณ คือ การเตรียมพร้อม สำหรับการทำสมาธิ และสร้างความแข็งแกร่งจาก "ภายใน"

ท่าง่ายๆ สำหรับช่วงเวลาที่เร่งรีบ โยคะไม่จำเป็นต้องไปทำตามสถานโยคะเสมอไป เรามีโยคะง่ายๆ ที่คุณสามารถทำเองได้ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

งั้นเรามาเริ่มรู้จักท่าง่ายๆ สำหรับเรากันเลยค่ะ

1. นวดหลัง นอนหงายราบกับพื้น งอหัวเข่าทั้งสองข้างเข้ามาชิดหน้าอก และใช้มือทั้งสองข้างกอดเข่าไว้ พลิกตัวไปข้างซ้ายและขวาสลับกัน จากนั้นโยกตัวไปข้างหน้าและหลัง
2. หายใจ นั่งขัดสมาธิ หลับตา ค่อยๆ หายใจเข้าออกลึกๆ นั่งสงบเช่นนี้ประมาณ 5 นาที จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้
3. ทำตัวให้อ่อน คุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองยันพื้น (เหมือนเตรียมจะคลาน) แอ่นหลังโดยยกศีรษะ และสะโพกขึ้นพร้อมกับสูดหายใจเข้า อยู่ในท่านี้ประมาณ 2-3 วินาที หลังจากนั้นโก่งหลังโดยเก็บศีรษะ และสะโพกพร้อมๆ กับผ่อนลมหายใจออก (เหมือนกับแมวโก่งตัว) ทำ 2 ท่านี้ติดกันหลายๆ ครั้ง จะช่วยให้ กระดูกสันหลังอ่อนตัว ท่วงท่าสง่างามขึ้น
4. คลายเครียดขณะเดินทาง ผ่อนคลายความตึงเครียด ด้วยการโยกศีรษะไปข้างหน้า ข้างหลัง ซ้ายและขวา จากนั้นตั้งศีรษะ ให้ตรง ยกไหล่ทั้งสองข้างขึ้นค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วจึงปล่อยลงสู่ท่าปกติทำซ้ำหลายๆ ครั้ง
5. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยการร้องเพลงโปรดให้ดังที่สุด
6. ในที่ทำงาน นั่งหลังตรงเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดี โดยจินตนาการว่ามีเชือกหนึ่งเส้นดึงศีรษะอยู่ เหมือนกับหุ่นเชิด พยายามหมุนข้อมือไปรอบๆ ให้เป็นนิสัย เพราะข้อมือมักจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวยามใช้แป้นพิมพ์นานๆ การกำมือสลับกางนิ้วให้เต็มที่ก็เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับมือ และนิ้ว
7. พักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ตั้งศีรษะให้ตรง กลอกตาไปมาทั้งซ้ายและขวา เหลือบขึ้นข้างบนและลงล่าง จากนั้นหลับตาสักพัก
ช่วงระยะเวลาการเล่นโยคะที่ปลอดภัย
1. ไม่แนะนำให้เล่นตอนเที่ยง เพราะจะเป็นช่วงที่ blood pressure สูงมากที่สุด เนื่องจากแรงดึงดูดของพระอาทิตย์ต่อโลกจะแรงในตอนกลางวัน (ซึ่งจะสังเกตได้จากน้ำหนักของตัวเราจะเบา แต่หากชั่งน้ำหนักตอนเที่ยงคืน น้ำหนักของเราจะหนักที่สุด) แต่สามารถเล่นได้ก่อน หรือหลังเที่ยง
2. ควรเล่นหลังจากรับประทานแล้วอย่างน้อย 2-3 ชม. เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหาร ซึ่งร่างกายมีความต้องการ พลังงาน เลือด ออกซิเจนไปช่วยในการย่อยอาหาร หากเราออกกำลังกายช่วงนั้นจะทำให้ร่างกายแย่งเลือด และ ออกซิเจนเพื่อไปเผาผลาญในส่วนอื่น ซึ่งจะส่งผลในทางลบกับร่างกายในระยะยาว
3. ไม่ควรเล่นหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว เพราะจะทำให้ร่างกายตื่นตัวเกิน จะมีการเผาผลาญซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจส่งผลแก่การนอนหลับ (ปกติจะมีเวลาชีวิต ซึ่งแนะนำให้นอนก่อนเที่ยงคืน)
4. หากเป็นคนอ้วนต้องการการเผาผลาญมาก แนะนำให้เล่นตอนเช้า เพราะร่างกายจะเผาผลาญได้ดี แต่คนผอม คลอเลสเตอรอลสูง เลือดจาง ระบบการเผาผลาญไม่มีปัญหา หากเล่นตอนเช้าจะเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกง่วงนอนตอนช่วงบ่าย ซึ่งคนผอมโดยทั่วไป จะมีลักษณะที่เป็นคนเครียดง่าย มีการสะสม toxic คือกรดแลคติคในร่างกายมาก ผิวแห้ง ผมแห้ง ท้องผูก และนอนหลับยาก คนผอมเหล่านี้ควรจะเล่นช่วงเย็นจะดีกว่า เพราะเป็นการล้างกรดแลคติคออกไป หลังจากเล่นแล้ว จะนอนหลับสบาย
5. การใช้เวลาเล่นควรจะอย่างน้อย 1 ชม และแนะนำให้อยู่ในที่อากาศปกติ (ไม่ควรเล่นในห้องแอร์) เพราะจะช่วยในการหายใจ และ จะทำให้เหงื่อออกได้ เมื่อเหงื่อออกจะช่วยขับของเสียในร่างกาย

สำหรับคุณสาวๆ ที่รักสุขภาพ แต่ไม่ต้องการออกกำลังกายที่หนักเกินไป ขอแนะนำการออกกำลังกายด้วยวิธีนี้กันเลยค่ะ สวยใส ไร้โรคภัยไข้เจ็บ ด้วยวิธีง่ายๆ ถ้าท่านใดสนใจลองทำกันดูนะคะ

หนุ่มเทใจให้สาวแบบไหน


ว่ากันว่าแฟนสาวในทรรศนะของหนุ่มๆ น่ะ หากมีคุณสมบัติต่อไปนี้ ก็ยกให้เลย สุดยอดแฟนสาวที่หนุ่มทั้งหลายปรารถนา ได้แก่...แอ่น แอ๊น

1. สาวที่ไม่ป้อแป้, รู้จักคิดและพึ่งตัวเองได้ ...น่าจีบเป็นแฟนนักเชียว

หญิงใดสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวของเธอสลับกับเอาใจใส่แฟนพร้อม กันไปด้วย นี่สิน่าเอาตัวไปเกี่ยวดองด้วยจัง แล้วถ้าไปถามผู้ชายส่วนใหญ่ ว่าชอบผู้หญิงที่หวังแต่จะพึ่งเค้าทุกอย่างไหม? หากชอบก็ตลกแล้ว เพราะเท่ากับหล่อนพึ่งตัวเองไม่เป็นเลยน่ะสิ ยกเว้นให้ชอบชั่วครู่ชั่วยามน่ะชอบอยู่แล้ว ใครว่ะจะไม่ชอบผู้หญิงช่างฉอเลาะและทำเป็นอินโนเซนต์แถมอยู่ในวัยเอ๊าะๆ กว่าเค้าบ้างล่ะ

แต่สำหรับหนุ่มที่มองหาแฟนอย่างจริงจัง รับรองไม่อยากได้แฟนแบบปลิงที่คอยเกาะเค้าทั้งปีทั้งชาติหรอก อยากมีแฟนที่สามารถผลัดกัน "พึ่งพาอาศัย" ซะมากกว่า ยิ่งเศรษฐกิจยุคนี้ ขืนรอให้เค้าเลี้ยงก็รอไปเหอะ เพราะแม้แต่เค้าบางที อาจยังเลี้ยงตัวเองไม่ รอดเลย แล้วนับประสาอะไรจะไปเลี้ยงใครได้อีก ดังนั้น เวิร์กกิ้ง วูแมนนี่แหละยอดปรารถนาล่ะ

2. แฟนสาวควรให้อิสระปล่อยให้หนุ่มๆ มี "พื้นที่ส่วนตัว"

บุรุษอยากมีแฟนที่รู้จักผ่อนปรนและปล่อยให้เค้าใช้เวลาส่วนตัว ไปมีกิจกรรมเริงร่าท้าทายในสังคมภายนอกบ้าง เพราะเค้าไม่ชอบความสัมพันธ์แบบ "ร้านสะดวกซื้อ" คือ ต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ร้อก....แต่ตรงนี้ขอยกมือสงสัยจ้ะ ว่าสาวดีๆที่ไหนอยากยึดติดอยู่กะเค้าทุกเสี้ยววินาทีของชีวิตนะ เว่อไปเรอะเปล่าหึ คิดเองเออเองมั้งเนี่ย โถ....ถ้าอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนคงอึดอัดแฮะ

อีกประการผู้หญิงก็อยากมีโลก ส่วนตัวเหมือนกัน แม้จริงอยู่ที่บางทีสตรีเพศก็ดูไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่ แต่ของพรรค์นี้ ผู้หญิง "ที่คิดเป็น" รู้หรอกว่า ศิลปะในการครองคู่ ควรมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ใช่หวังได้คืบจะเอาศอกเสมอไป จึงขอประท้วงค่ะ ท่านประธาน!

ฉะนั้น ถ้าสาวใดเอาแต่เกาะชายกางเกงเค้าอยู่ได้ โดยไม่ปล่อยให้เค้าไปโลดแล่นในโลกยุทธภพตามลำพังซะบ้าง ก็รู้ไว้เหอะ เค้าไม่คว้ามาเป็นแฟนให้ "เป็นห่วงคล้องคอและ กขค." หรอก

3. ไม่ขี้โวยวาย หรือกระต่ายตื่นตูม สงบเยือกเย็นในทุกสภาวะ

ถามว่าสาวแบบไหนที่ผู้ชายไม่ชอบน่ะเหรอ? เค้าไม่ชอบสาวที่ ก.เอาแต่ร้องไห้และฟูมฟายโดยไม่ มีสาเหตุ เออ...แล้วร้องทำไมฟะ และ ข.สาวที่หวาดระแวงแฟนหนุ่มของตัวตลอดเวลาน่ะซี จำไว้เถอะ ว่าเค้าชอบผู้หญิงที่สามารถไว้วางใจได้ ไม่ใช่มีอะไรนิดอะไรหน่อยก็เอะอะโวยวายไว้ก่อน รวมทั้งไม่ควรช่างสงสัยและบีบให้ต้องรายงานความเป็นไปกันทุกวินาทีตั้งแต่ ตื่นยันเข้านอน เพราะเหนื่อยนะ หากมีแฟนแบบนี้ ใครชอบก็ช่างแต่ตูไม่ชอบละกัน มีปัญหามะ

4. สาวที่ชื่นชมในสิ่งที่ผู้ชายสนใจ ย่อมได้คะแนนพิศวาส

ถ้าชายสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเค้าชอบให้หญิงคล้อยตามไปด้วยได้ นั่นแหละใช่เลย ลองคิดถึงใจเค้าใจเราละกันน่ะว่า ถ้าน้องหนูชอบอะไร คงอยากให้เค้าชอบในสิ่งที่หนูชอบด้วยใช่มะ แต่ไม่ต้องคลั่งไคล้เท่ากันเป๊ะๆ เช่น ถ้าเค้าชอบดูฟุตบอล แฟนสาวก็ควรชอบด้วยงั้นเรอะ? เอ้าก็แน่ละสิ เค้าจะได้คุยถึงกีฬาประเภทนี้ กับแฟนได้ ไม่ต้องรอเก็บไปคุยกับเพื่อนเท่านั้นไง เป้าหมายก็อยู่ตรงนี้เอง แต่ไม่ต้องรู้ลึกจนละเอียดยิบ ขืนรู้มากกว่าก็ไม่เหมาะอีก เฮ่อ...เอาใจยากเนอะ

5. เห็นด้วยว่า เซ็กส์์คือการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น

ฉะนั้น ถ้าสาวใดทำให้ชายรู้สึกเกิดความปรารถนาหล่อนสุดเหวี่ยง แถมยังทำให้เค้าประทับใจในค่ำคืนแห่งการแสดงฉากอีโรติกด้วยละก็ นี่แหละคือสุดยอดแฟนที่เค้าใฝ่ฝันล่ะ

ที่มา : ไทยรัฐ

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

ชาขาว ต้านหน้าเหี่ยว


การดื่ม ชาขาว มีผลดีต่อสุขภาพของคนเรามากมาย อีกทั้งยังช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าอีกด้วย

ผลงานการวิจัยทางด้านการดื่มชาอันล่าสุดระบุว่า การ ดื่มชาขาวมีผลดีต่อสุขภาพของคนเรามากมายไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของ การเกิดโรคมะเร็ง การเกิดโรคไขข้ออักเสบ และลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า อีกด้วย งานวิจัยชิ้นนี้เป็นผลงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัลยคิงสตัน ประเทศอังกฤษ

นัก วิจัยได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติและสารอาหารจากพืชผักชนิดต่างๆ กว่า 21 ชนิด และสารสกัดจากสมุนไพรประเภทต่างๆ ว่ามีประโยชน์และโทษต่อร่างกายคนอย่างไร และจากผลงานวิจัยก็พบถึงประโยชน์ของสารอาหารที่อยู่ในชาขาวที่ชัดเจนมาก

ศาสตราจารย์นอธตัน จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยคิงสตัน เปิดเผยว่า ใน ชาขาวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ และตัวต้านการเกิดปฏิกิริยาของสารอื่นๆ กับออกซิเจน หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้น ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปละโรคเกี่ยวกับหัวใจ มากไปว่านั้นสารที่สกัดได้จากชาขาวจะมีผลดีต่อโครงสร้างของผิวหนัง คือสามารถเสริมสร้างความแข็งแรงของเซลล์ผิวหนัง ช่วยในด้านความยืดหยุ่นของผิวหนัง ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ส่งผลให้การทำงานของปอด เส้นเลือด เส้นเอ็นต่างๆ และผิวหนังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม

จาก การทดลองพบว่าสารประกอบในชาขาวจะช่วยป้องกันการทำงานของเอมไซม์ตัวที่จะเข้า ไปทำลายชั้นอีลาสตินและคอลลาเจน (สารที่พบในข้อต่อ) ทั้งหลาย ซึ่งถ้าสองสิ่งนี้ถูกทำงานจะส่งผลให้ผิวหนังเหี่ยวย่น มากไปกว่านั้นชาขาวยังสามารถต่อต้านการทำงานของเอมไซม์บางชนิดที่เข้าไปทำ งานการทำงานของข้อต่อกระดูก ทำให้ไขข้ออักเสบ หรือที่รู้จักกันดีว่าโรครูมาตอยด์ และเป็นที่ทราบกันดีว่าเอมไซม์และปฏิกิริยาการรวมตัวกับออกซิเจนของสารใน ร่างกาย (oxidant) เป็นสิ่งสำคัญของการทำงานหลักๆในร่างกายคน แต่ถ้าปฏิกิริยาเหล่านี้มีมากเกินไปหรือผิดปกติก็จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่าง กาย


ที่มา : women.thaiza.com

แต่งหน้า สไตล์สวยใส ดูเป็นธรรมชาติ


การ แต่งหน้าให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ คือการแต่งเติมสิ่งที่มีอยู่เดิมตามธรรมชาติให้ดูชัดขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความกลมกลืน ไม่ให้จุดหนึ่งจุดใดบนใบหน้าโดดเด่นเกินไป

เลือกเฉดสีธรรมชาติ สไตล์การแต่งหน้าแนวสวยใส ควรเลือกทาอายแชโดว์เฉดสีชมพูนู้ด สีพีช หรือสีชมพูอมม่วง เนื้อเหลือบวาวบางใส แทนอายแชโดว์สีเข้ม อีกทั้งอาจทาจนถึงใต้โหนกคิ้ว เพื่อให้ดูทันสมัยและดูเป็นธรรมชาติ ยึดหลักที่ว่าถ้าปากเข้มแล้ว ส่วนที่เหลือของใบหน้าควรใช้สีอ่อนบางกว่า เพื่อไม่ให้แข่งกัน

ปัดแก้มพอประมาณ อย่าปัดแก้มหนักมือเพียงเพื่อต้องการที่จะปรับโครงสร้างใบหน้า สีแก้มเข้ม ๆ หรือการปัดเลยแนวโหนกแก้มเกินจริง อาจทำให้คุณดูเหมือนตัวตลกหรือคนป่วยได้ ที่ถูกต้อง ควรเลือกสีแก้มโทนสีชมพูระเรื่อใส ๆ ช่วยให้แลดูเป็นสาวสุขภาพดีเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา เช่น สีพีชหรือสีชมพูอมม่วงอ่อน ๆ ปัดเบา ๆ ที่บริเวณโหนกแก้มกระจายหายไปทางขมับ

ริมฝีปากอวบอิ่ม หลีกเลี่ยงการเขียนขอบปากสีเข้มจนเห็นเป็นขอบชัด เพื่อให้ดูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เลือกใช้ลิปสติกเนื้อมันวาวผสมกลอสสีนู้ดหรือสีชมพูใส ๆ ช่วยให้ปากดูอวบอิ่มกว่าการทาลิปสติกทั่วไป อีกทั้งประหยัดและสะดวกเวลา ช่วยให้ริมฝีปากดูเนียนเรียบ อำพรางริ้วรอยและความแห้งกร้าน

นัยน์ตาสดใส ดินสอเขียนขอบตาสีขาว ช่วยเพิ่มความกลมโตสดใสให้ดวงตา โดยลากเส้นนุ่ม ๆ ด้านในขอบตาล่าง ก่อนวาดขอบตาด้วยอายแชโดว์สีน้ำตาลใต้แนวขนตาอีกครั้ง แทนการแต่งตาสีเข้มและเขียนขอบตาดำ

อำพรางเพียงเบาบาง อย่าทารองพื้นหนาเตอะทั่วทั้งใบหน้าเพื่อปกปิดและอำพรางจุดบกพร่อง ใช้วิธีแต่งแต้มคอนซีลเลอร์ทับบริเวณที่ต้องการปกปิด เกลี่ยให้กลมกลืน หรือทาใบหน้าเกลี้ยงเกลาอยู่แล้ว ก็ทาเพียงทินต์มอยส์เจอไรเซอร์หรือเมคอัพไพรเมอร์ ปรับสภาพผิวให้สว่างสดใส แล้วตบทับด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสงทั่วใบหน้า เพื่อโชว์ผิวสวยเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

คิ้วงามตามธรรมชาติ จัดแต่งคิ้วให้เข้ารูป ด้วยการถอนคิ้วส่วนเกินที่ทำให้ดูไม่เป็นระเบียบด้วยแหนบ เวลาจะแต่งคิ้วให้ได้รูปสวย ใช้พู่กันแต่งคิ้วแตะอายแชโดว์สีเดียวกับสีผมหรือเข้มกว่าหนึ่งเฉด แต่งแต้มขนคิ้วตรงบริเวณที่เป็นรอยโหว่แล้วเกลี่ยให้กลมกลืน เน้นที่ส่วนโค้งของคิ้วให้เข้มกว่าจุดอื่น ปลายคิ้วไม่ต้องแหลมคมมาก จากนั้นปัดทับด้วยเจลใสเพื่อให้คิ้วเข้ารูปได้หลายชั่วโมง


ที่มา : Lisa

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

แป้งฝุ่น กับเทคนิคแต่งเติมให้สวยใส


ใบ หน้าเหมือนเป็นหน้าต่างที่ผู้คนจะมองเป็นอันดับแรก หากใบหน้าผู้หญิงเราสวยงาม เรียบเนียน ใครเห็นก็ดูชื่นตาชื่นใจ ช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีได้มากทีเดียว

ต่อไปนี้เรามี 7 วิธีในการแต่งเติมแป้งฝุ่นที่จะทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนไปได้ตลอดวัน

เวลาเลือกใช้แป้งฝุ่น ควร เลือกลักษณะเนื้อแป้งที่บางเบาดูเป็นธรรมชาติ เพราะเทรนด์แต่งหน้าฤดูนี้เน้นความเป็นธรรมชาติ แต่งหน้าเหมือนไม่ได้แต่งหน้ายังไงยังงั้น ถึงแม้แป้งฝุ่นจะไม่ได้ให้การปกปิดที่เนียนสนิทเหมือนแป้งผสมรองพื้น แต่คุณสาวๆ รู้มั้ยคะ? ว่าแป้งฝุ่นเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการเมกอัพเลยทีเดียว

แต่งเติมแป้งฝุ่น... ใน วันสบายๆ ที่อยากจะเปลือยผิวหน้าโดยไร้เมกอัพ แต่ไม่กล้าที่จะโชว์ผิวที่แท้จริงได้ แป้งฝุ่นเป็นอีกหนึ่งเมกอัพที่บางเบา จนคุณไม่รู้สึกว่าผิวหน้าได้รับการแต่งเติม แต่จะให้ผลลัพธ์ผิวหน้าดูเนียนใสเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ทาให้ทั่วใบหน้า

หลังจากลงรองพื้นแต่งหน้า แป้งฝุ่นจะเสริมให้รองพื้นแนบสนิทไปกับผิวหน้ายิ่งขึ้น และเบาสบายไม่เหนอะหนะ โดยใช้แปรงแต่งหน้าแตะแป้งฝุ่นบางๆ จากนั้นเคาะก้านแปรงกับหลังมือเบาๆ เพื่อให้เนื้อแป้งฝุ่นกระจายทั่วแปรง จากนั้นทาลงบนส่วนกลางของใบหน้าเพียงบางเบาให้ทั่วก่อนที่จะเลื่อนไล่ไปยัง ขอบของใบหน้า แล้วแตะแป้งลงบริเวณขอบจมูก เปลือกตา ก่อนตามด้วยแป้งผสมรองพื้นในขั้นต่อไป

ก่อนทาอายแชโดว์ชนิดฝุ่น โดยทาแป้งฝุ่นให้ทั่วเปลือกตา จะช่วยให้การเกลี่ยเนื้ออายแชโดว์ง่ายและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้แป้งฝุ่นยังช่วยลดความเข้มของสีอายแชโดว์ที่แต่งเติม โดยใช้แปรงแตะแป้งฝุ่น แล้วทาในลักษณะเกลี่ยไปมาทับลงบนสีอายแชโดว์ที่เปลือกตา วิธีนี้จะทำให้สีที่เข้มดูอ่อนลง ขั้น ตอนสุดท้ายในการเก็บรายละเอียดของสีสันเมกอัพที่แต่งเติมอยู่บนใบหน้า ทุกครั้งที่แต่งหน้าเสร็จจะมีเศษของสีสันเมกอัพแอบเลอะอยู่นอกเหนือบริเวณ ที่แต่งเติม ไม่ว่าจะเป็นใต้ตา สันจมูก หรือแก้ม หากเราใช้พัฟฟ์ หรือทิชชูเช็ดออก น้ำหนักมือในการเช็ดอาจจะทำให้สีที่เลอะชัดเจนขึ้น ควรใช้แปรงแตะเนื้อแป้งฝุ่น แล้วปัดในบริเวณที่เลอะในลักษณะปัดออกอย่างเบามือ

ไฮไลต์ผิวหน้าหลังเมกอัพ เพื่อเสริมให้รูปหน้ามีมิติ โดยปัดบริเวณ T-zone คาง และขากรรไกร จะช่วยเสริมให้โครงหน้าดูเด่นชัด พร้อมกันนี้ยังมอบผิวดูสว่างเปล่งปลั่ง เสริมให้เมกอัพที่แต่งดูสวยยิ่งขึ้น

แตะซับผิวหน้าให้เนียนในระหว่างวัน นอกจากให้ผิวหน้าเบาสบายแล้ว ยังช่วยให้สีสันเมกอัพที่แต่งตั้งแต่เช้าดูสวยสดใสตลอดวัน

หลังจากบำรุงผิวหน้าด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ก่อน ส่งผิวเข้านอน คุณสาวๆ บางคนอาจจะไม่ชอบให้ผิวเหนอะหนะก่อนนอนจากมอยส์เจอไรเซอร์ที่บำรุงผิว แป้งฝุ่นสามารถช่วยให้ผิวเบาสบาย ตื่นมาด้วยความสดชื่นแบบหน้าไม่มันวาว และไม่อุดตันรูขุมขนค่ะ

ที่มา : โพสต์ทูเดย์

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

ไม่อยากแก่ เรามีเคล็ดลับมาบอก


อาจกล่าว ได้ว่า เมื่อเวลาเราเห็นใครๆ ที่ดูอ่อนกว่าวัย ย่อมเกิดคำถามตามมาว่า ทำอย่างไรจึงดูดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เขาเป็นพี่น้อง พ่อลูก หรือแม่ลูกกัน ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญได้แนะวิธีคงความหนุ่มสาว ซึ่งมีทั้งหมด 14 ข้อ ดังนี้

1. แคลอรี่เยอะ เสื่อมเร็ว

การ รับประทานอาหารที่ให้แคลอรี่สูงจะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญสารอาหารมาก ก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขึ้น อาหารที่เรารับประทานไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต สุดท้ายก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นน้ำตาล ถ้าร่างกายรับแคลอรี่หนักทุกมื้อ ย่อมส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ๆ ต่ำ ๆ ร่างกายต้องหลั่งสารอินซูลินตลอดเวลาเพื่อนำน้ำตาลไปเก็บไว้ในเซลล์

คน ที่มีไลฟ์สไตล์แบบนี้ย่อมเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งทำ ให้แก่เร็ว สมัยก่อนการกินอาหารเน้นแป้งและน้ำตาล รองลงมาคือ โปรตีน ผักผลไม้และไขมัน แต่ถ้าต้องการรับประทานอาหารให้ดีไม่ให้แก่เร็ว ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะสิ่งที่ควรกินมากที่สุดคือ น้ำบริสุทธิ์ 1-2 ลิตรต่อวัน เน้นผักผลไม้ อาหารกลุ่มโปรตีนมีประโยชน์ ไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า 3,6 และ 9 ส่วนสิ่งที่ควรกินให้น้อยที่สุดคือไขมันอิ่มตัวที่มีอยู่ในแป้งและน้ำตาล

. กินหลากแหล่ง

เลือก ผักออร์แกนิกหรือจากหลากแหล่งผลิต เพราะเราไม่รู้ว่าแหล่งปลูกมีสารปนเปื้อนหรือไม่ วิธีนี้ช่วยลดการสะสมสารบางอย่างในร่างกาย เพราะมีงานวิจัยบ่งชี้ว่า การลดการกินอาหารที่มีสารพิษไม่ให้ผลดีเท่ากับกินอาหารจากหลากแหล่งผลิต

3. ร้อนไปไม่ดี กรอบไปไม่เวิร์ค

หลีก เลี่ยงการกินอาหารที่ผ่านกระบวนการร้อนจัดหรือทอดจนกรุบกรอบ นอกจากจะสูญเสียคุณค่าสารอาหารแล้ว ยังเพิ่มสารก่อมะเร็งมากขึ้นด้วย สู้เปลี่ยนมากินอาหารออร์แกนิกหรือผ่านกรรมวิธีนึ่งหรือต้มจะดีกว่า

4. ลดคาเฟอีน

ปกติ ร่างกายหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์เพื่อกระตุ้นร่างกายให้เผาผลาญนำเลือดไปเลี้ยง ส่วนต่าง ๆ ได้เพียงพอ สร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารอะดีนาลี นอยู่เป็นประจำ อะดรีนาลินทำงานคล้ายฮอร์โมนไทรอยด์ ทำให้ร่างกายลดการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ไปโดยปริยาย ส่งผลให้ต่อมไทรอยด์เสื่อมเร็วกว่าปกติ

ถ้า เกิดภาวะไทรอยด์ต่ำ ทำให้การเผาผลาญต่ำลง แม้เราจะรับประทานอาหารเท่าเดิม แต่อ้วนง่าย บางคนมีอาการมือเท้าเย็น เวียนศีรษะ ความจำเสื่อม ผิวและผมแห้ง ไขมันในเลือดสูงเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เป็นลูกโซ่ไปเรื่อย ๆ

5. ดื่มนมมากไปกระดูกพรุน

ใน วัยผู้ใหญ่ไม่มีเอนไซม์ที่ใช้ในการย่อยนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนเอเชียมีอุบัติการณ์ Cow’s Milk Intolerance มากกว่าคนอเมริกาและยุโรป นอกจากนี้ผลการวิจัยล่าสุดในอเมริกาพบว่า คนที่ดื่มนมมาก ๆ มีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่า เหตุผลคือ กรดแอมิโนบางอย่างในนมทำให้เลือดเป็นกรด ส่งผลให้เกิดการสูญเสียแคลเซียมและแมกนีเซียมจากกระดูกไปในปัสสาวะ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในวัยผู้ใหญ่ ทางที่ดีเลือกทานแคลเซียมจากแหล่งอื่น ๆ เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ธัญพืช หรือเต้าหู้จะดีกว่า

6. ดื่มน้ำจากขวดแก้ว

การ ดื่มน้ำบริสุทธิ์จากขวดแก้วดีกว่าดื่มน้ำจากขวดพลาสติก เพราะสารพิษในพลาสติกละลายปะปนในน้ำตลอดเวลา ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษ ก่อให้เกิดความเสื่อมอย่างไม่ต้องสงสัย

7. หน้าแก่เพราะฟิตเกิน

คุณ เคยเห็นคนออกกกำลังกายหนักจนหน้าแก่ หรือบางคนฟิตจัด แต่จู่ ๆ เกิดหัวใจวายกะทันหันกลางสนามกีฬาหรือไม่ นั่นเป็นเพราะร่างกายเผาผลาญอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเหตุของความเสื่อมของร่างกาย ดังนั้นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เหมาะสมจึงควรอยู่ที่ 30-45 นาทีต่อวัน จากนั้นยกเวทนิดหน่อย ทำ 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ส่งผลดีต่อร่างกายมากกว่าผลเสีย

8. ดื่มเหล้ามาก จากชายกลายเป็นหญิง

การ ดื่มเหล้าทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย แถมเหล้าที่ดื่มเข้าไปกลายเป็นน้ำตาลสะสมในรูปไขมัน ถ้าเทียบการได้รับแคลอรี่จากโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ แต่เหล้าปริมาณเท่ากันให้พลังงานถึง 7 กิโลแคลอรี่ แถมยังทำให้ผู้ชายที่ดื่มจัดรูปร่างเหมือนถังเบียร์ หัวล้าน มีเต้านมเหมือนผู้หญิง นั่นเป็นเพราะเหล้ามีผลต่อตับ ทำให้มีการเปลี่ยนฮอร์โมนจากชายกลายเป็นหญิงมากขึ้น ซึ่งโดยธรรมชาติของฮอร์โมนเพศหญิงใช้ในการเก็บไขมัน คนที่ดื่มหนักจะลงพุงและแก่เร็ว นอกจากนี้ยังทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ในผู้หญิงที่ดื่มหนักมาก มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเช่นเดียวกัน

9. หยุดสูบเสียแต่วันนี้

สูบบุหรี่ 1 มวนกระตุ้นการสร้างสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 1014 ล้านโมเลกุล ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคถุงลมโป่งพองและโรคมะเร็ง

10. หลีกเลี่ยงโลหะหนักและสารปรอท

ใน อเมริกาและยุโรปสั่งห้ามใช้อะมัลกัม (Amalgum : ทำมาจากปรอทซึ่งเป็นโลหะหนัก) ในการอุดฟันคนไข้ เพราะพบว่ามีการระเหยปล่อยสารปรอทเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลา มีงานวิจัยบ่งชี้ว่าคนเป็นมะเร็งเต้านมและอัลไซเมอร์มีผลส่วนหนึ่งมาจากปรอท และโลหะหนัก ปัจจุบันคนเยอรมันหันมาใช้ “เซอร์โคเนียม” (เพชรรัสเซีย) ในการอุดฟัน รวมถึงการผลิตข้อเทียม กระดูก และรากฟันเทียมแทน เพราะไม่ทำปฏิกิริยาต่อร่างกาย

11.วางโทรศัพท์มือถือไกลตัว

มี งานวิจัยว่าการใช้โทรศัพท์มือถือซึ่งใช้คลื่นความถี่สูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง ถ้าเป็นไปได้ ควรวางโทรศัพท์ไว้ห่างจากร่างกายจะดีกว่า

12.เข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม

ตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตีสองเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งส่งผลให้หลับลึก ทำให้ความจำดี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และทำให้การหลั่งฮอร์โมนอื่น ๆ ในร่างกายสมดุล ขณะเดียวกันช่วงที่ร่างกายหลับลึกส่งผลให้โกร์ทฮอร์โมนหลั่งออกมาเพื่อเสริม สร้างโปรตีนในร่างกาย ได้แก่ คอลลาเจนใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง ช่วยลดไขมันที่สะสมในร่างกาย ถ้าไม่อยากแก่ อย่านอนดึกจนเกินไป

13. กินวิตามิน

วิตามิน บางตัวออกฤทธิ์เป็นสารอนุมูลอิสระ เช่น กลุ่มวิตามินเอ อี ซี ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายต้องการตลอดเวลาเพราะสร้างเองไม่ได้ และต้องทำงานเป็นระบบ แต่ละตัวมีคุณสมบัติต่างกัน เช่น วิตามินซีละลายในน้ำ ช่วยปกป้องดีเอ็นเอ ส่วนวิตามินเอ อี โคเอนไซม์คิว 10 ละลายในไขมัน ช่วยปกป้องผนังเซลล์ให้แข็งแรง ถ้ามั่นใจว่าได้รับสารเหล่านี้เพียงพอจากการกินอาหารจะไม่กินวิตามินเสริมก็ ได้

แต่ ปัญหาก็คือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า อาหารที่กินเข้าไปให้วิตามินเหล่านั้นเพียงพอ เช่น ร่างกายต้องการวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เท่ากับส้ม 14 ลูก วิตามินอี 500 IU เท่ากับกินน้ำมันพีนัท 12.5 ช้อนโต๊ะ ซึ่งในชีวิตประจำวันเราไม่มีโอกาสได้รับอย่างครบถ้วน จึงต้องใช้วิตามินเสริมทดแทนสารอาหารที่ร่างกายขาดไป เราจะทราบได้อย่างไรว่าเราขาด ก็ด้วยการตรวจปริมาณสารเหล่านี้ในเลือดว่าเพียงพอหรือไม่ มีความจำเป็นต้องได้รับในปริมาณเท่าไหร่ต่อวันจึงจะเหมาะสมที่สุด

14. เสริมฮอร์โมน

ปกติ ร่างกายต้องใช้ฮอร์โมนในการทำงาน แต่ผู้หญิงผู้ชายถูกกำหนดไว้แล้วโดยเฉลี่ยเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่ภาวะผลิตฮอร์โมนลดลง เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น อ่อนเพลีย อารมณ์หงุดหงิด ความจำแย่ลง การเผาผลาญลดลง ร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่น แห้ง ผมร่วง ตามหลักการของเวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti-Aging Medicine นั้น ถ้าไม่มีข้อห้าม สามารถได้รับฮอร์โมนทดแทนเพื่อรักษาสมดุลเหล่านั้นกลับคืนมา แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ที่มา : mthai.com

สูตรถอนพิษเหล้าฉบับอินเตอร์


สูตรถอนพิษเหล้าฉบับอินเตอร์
Double Eurovision

ไล่อาการแฮงจากปาร์ตี้สุดเหวี่ยงเมื่อคืน ด้วยกลเม็ดเด็ดพรายจากฟากฝั่งยุโรปไปดูกันว่า แต่ละชาติแถวๆ นั้นเขาจะมีตัวช่วยในการสร่างเมาอย่างไรบ้าง เผื่อว่าคุณจะได้เลือกมาใช้สักวิธี


ของเด็ด: ซุปผ้าขี้ริ้ว
ต้นตำรับ: บูคาเรสต์ ฮังการี สรรพคุณ: ของอย่าง นี้คงหากินไม่ได้จากร้านอาหารไฮโซแน่ๆ "นี่เป็นโปรตีนไขมันต่ำชนิดหนึ่งที่มีเกลือและของเหลวที่ช่วยเติมน้ำให้ร่าง กายหลังจากคืนอันหนักหน่วง" แคท คอลลินส์ หัวหน้านักโภชนาการที่โรงพยาบาลเซนต์จอร์จในลอนดอนแนะนำไว้ หาได้จาก: สบายมากสำหรับบ้านเรา ที่ร้านอาหารอีสานหรือร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อไงล่ะ ของเด็ด: โยเกิร์ตกระเทียม ต้นตำรับ: ฮิสตันบูล ตุรกี สรรพคุณ: "แคลเซียม และโปรตีนในโยเกิร์ตช่วยบำรุงตับไตไส้พุงให้ดีขึ้นหลังจากร่ำสุรามาทั้งคืน ส่วนแอลจินีนในกระเทียมจะช่วยเร่งการฟื้นตัวและการหมุนเวียนโลหิต" แอนดรูว์ เออร์วีน ผู้เขียนหนังสือ How to Cure a Hangover แนะนำไว้ "เอาไว้ช่วยไล่อาการเมาค้างจากปาร์ตี้สุดเหวี่ยง ทั้งหลายนี่ล่ะ" หาได้จาก: ในครัวนี่เอง โดยผสมโยเกิร์ตธรรมชาติ 200 มิลลิลิตร กับกระเทียมบุบสดๆ สัก 2 กลีบ ของเด็ด: ปลาเฮริงดองกับมัสตาร์ด ต้นตำรับ: มิวนิก เยอรมนี สรรพคุณ: "มัสตาร์ดมีสรรพคุณเหมือนยาชา ที่ช่วยให้กระเพาะผ่อนคลาย ส่วนเกลือในปลาเฮริงจะช่วยชดเชยแร่ธาตุที่สูญเสียไป" คอลลินส์บอกไว้ หาได้จาก: ปลาเฮริงของ Rollmap และผงมัสตาร์ดของ Colman ลองหาดูตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป ของเด็ด: น้ำของหมักดอง ต้นตำรับ: มอสโก รัสเซีย สรรพคุณ: "กระบวน การหมักดองทำให้เกิดแบคทีเรียโปรไบโอติก ซึ่งช่วยปลอบประโลมกระเพาะคุณ และทำให้เกิดวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบโลหิตและตับ" คอลลินส์กล่าว หาได้จาก: "เลือกชนิดที่ออกหวานสักหนอ่ย เพราะจะมีคาร์โบไฮเดรตซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของตับ" คอลลินส์แนะนำ ถ้าอย่างนั้นผักดองกระป๋องทั้งหลาย ก็น่าจะเวิร์ก... ของเด็ด: วอดก้าทำจากสมุนไพร รสขม ต้นตำรับ: ลูบลิน โปแลนด์ตะวันออก สรรพคุณ: สมุนไพร รสหวานปนขมในเหล้าตำรับโปแลนด์นี่ล่ะ ที่ช่วยถอนพิษเมาค้างได้ "ที่จริงแอลกอฮอล์ก็ช่วยสร้างเมาในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากอย่างอบเชย สน และนัตเม็กจะยิ่งเข้าไปช่วยเสริมกระบวนการรักษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น"อย่างนี้ คงต้องลองดูบ้างแล้ว หาได้จาก: stockspirits.com ขวดละประมาณ 840 บาท ของเด็ด: อบซาวน่าแล้วเอากิ่งเบิร์ชฟาดตามตัวไปด้วย ต้นตำรับ: เฮลชิงกิ ฟินแลนด์ สรรพคุณ: เตรียม ขยายรูขุมขนรับศึกได้ "เส้นเลือดของคุณจะขยายตัวเพื่อทำให้ร่างกายเย็นลง ดังนั้นคุณจึงได้ระบายแอลกอฮอล์ออกมาได้เร็วขึ้นซึ่งเป็นผลพลอยได้" เออร์วินบอกไว้ ส่วนการฟาดด้วยกิ่งเบิร์ชจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ หาได้จาก: สปาหรือฟิตเนสใกล้บ้าน ที่มา : นิตยสาร Men's Health

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำงานอย่างไรให้ได้เลื่อนตำแหน่ง


ต้อนรับปีใหม่ด้วยการรีบสร้างผลงานให้เข้าตากรรมการแต่เนิ่นๆ จะได้ยิ้มแก้มปริเมื่อถึงการประเมินผลงานปลายปี

เว็บไซต์ www.career-success-for-newbies.com บอกเคล็ดลับดีๆ ที่หยิบไปปรับใช้กับตัวเองได้ไม่ยากหากตั้งใจจริง

Step 1 ทบทวน
● ลองถามตัวเองก่อนคาดหวังว่าจะได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งให้ว่า จุดแกร่งของคุณมีมากน้อยแค่ไหน และมีมากพอที่จะทำได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นหรือไม่
● ตั้งเป้าถึงตำแหน่งที่คุณต้องการ วางแผนการทำงานให้ชัดเจน พร้อมลิสต์แนวทางที่คิดว่าจะทำให้คุณมีผลงานเข้าตากรรมการมาสัก 10 ข้อ หรือลิสต์รายการที่ยังไม่เคยทำมาก่อน แต่ประเมินแล้วงานนั้นๆ จะทำให้คุณได้รับคะแนนนิยม ก็ให้มุ่งมั่นพัฒนาการทำงานให้บรรลุเป้าหมายต่อไป

Step 2 เปลี่ยนทัศนคติ
● ทำงานทุกโปรเจ็คท์ด้วยความภาคภูมิใจ แม้จะเป็นงานที่ดูเล็กน้อยในสายตาคนรอบข้างก็ตาม
● การใส่ทัศนคติที่ดีให้งานที่ทำเป็นเรื่องดี แม้จะจับต้องไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องหาสิ่งที่จะทำให้คนทั่วไปประจักษ์ในความสามารถของคุณอย่าง เป็นรูปธรรม ด้วยการหมั่นหาความรู้และทักษะที่เป็นประโยชน์มาปรับใช้กับงานอยู่เสมอ
● มองวิกฤติให้เป็นโอกาส เช่น ถ้าได้รับมอบหมายงานที่คุณไม่เคยทำมาก่อน ก็ให้คิดเสียว่านั่นเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองแสดงฝีมือ เผลอๆ เจ้านายอาจมองเห็นความสามารถด้านใหม่ๆ ของคุณก็เป็นได้
● การที่เจ้านายมอบหมายงานให้คุณบ่อยๆ หรือมากกว่าคนอื่น แสดงถึงความเชื่อมั่นและโอกาสที่จะเติบโตในวันข้างหน้า ฉะนั้นถ้าเลือกจะอิดออดหรือไม่พอใจ ก็ขอให้รู้ว่าคุณกำลังสื่อถึงทัศนคติ “หนักไม่เอา ขอเบาไว้ก่อน” ออกไปโดยไม่รู้ตัว

Step 3 ลงมือปฏิบัติ
● ชัดเจนในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง
● อาสาทำงานที่นอกเหนือจากงานของตัวเองดูบ้าง หรือริเริ่มงานใหม่ๆ ที่อาจช่วยให้งานหลักที่ทำอยู่ราบรื่นหรือบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้น
● เลิกพฤติกรรมที่เอาแต่นั่งรองานของตัวเอง รู้หรือไม่ว่า เจ้านายจะปลื้มลูกน้องที่คอยช่วยแบ่งเบาปัญหา
● อาสาช่วยเจ้านายทำงานอื่นๆ ด้วยความเต็มใจ พร้อมย้ำว่างานของคุณที่ทำตอนนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ดีแล้ว และไม่เกี่ยงที่จะช่วยแบ่งเบางานอื่นๆ

DID YOU KNOW?
หลังจากผ่านพ้นมรสุมเศรษฐกิจมาได้พักใหญ่ ก็ถึงคราวที่การเดินหน้าทางเศรษฐกิจของหลายๆ บริษัทในเอเชียจะก้าวเดินต่อไปเสียที บริษัท Hewitt Associates ถือฤกษ์ นี้จัดทำการสำรวจเกี่ยวกับอัตราเงินเดือนที่มนุษย์งานทั้งหลายในเอเชียจะได้ รับเพิ่มขึ้นในปี 2010 จากการสำรวจใช้กลุ่มตัวอย่างกว่า 2,000 แห่งในภูมิภาคเอเชียและเอเชีย-แปซิฟิก ผลปรากฏว่า
● พนักงานในอินโดนีเซียและจีนจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 และร้อยละ 6.7 ตามลำดับ
● ขณะที่พนักงานในญี่ป่นุ เงินเดือนจะได้ปรับขึ้นร้อยละ 2.1
● ด้านพนักงานในอินเดียที่สภาพเศรษฐกิจกำลังเติบโตสุดขีด อัตราเงินเดือนของพวกเขาจึงทะยานขึ้นมากถึงเกือบร้อยละ 10 เลยทีเดียว

ส่วนพี่ไทยเรา แม้แหล่งข่าวไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าแผนการดำเนินงานของภาครัฐที่เริ่มจะส่งผลดี (การจ้างงานเพิ่มขึ้น ตัวเลขจีดีพีส่อเค้าฟื้นตัว ฯลฯ) น่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อชีวิตงานชีวิตเงินของพนักงานออฟฟิศต่างๆ บ้างละน่า


ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในสกู๊ป CAREER FOCUS
No.646 (1 JANUARY 2010)

ที่มา : mthai.com

5 วิธีไดเอ็ต ที่แย่ที่สุด


สาว ๆ ที่หาวิธีลดความอ้วนอยู่ล่ะก็ อย่าได้ลองทำตามวิธีต่อไปนี้เลยนะคะ เพราะวิธีต่อไปนี้ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นวิธีไดเอ็ตที่ไม่ดีเอาเสียเลย

1.ไดเอ็ตด้วยการกินอาหารแค่บางประเภท

เช่น ซุปกระหล่ำปลี หรือ องุ่น แต่จะกินสักกี่ถ้วยถึงจะพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะ คนเราต้องการสารอาหารหลากหลายประเภทถ้ากินอาหารประเภทนี้ซ้ำ ๆ อาจจะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่คุณก็จะกลายเป็นโรคขาดสารอาหารไปในทันที

2. ไดเอ็ตดีท็อกซ์

เชื่อกันว่าเป็นการล้างสารพิษออกจากร่างกาย จริงแล้วเปล่าเลย มันกลับเป็นวิธีที่ดูโง่ที่สุดและไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์ที่วิเคราะห์แล้วว่า ดี จริง ๆ แล้วอวัยวะในร่างกายของเราดีอยู่แล้วมีระบบฟอกกรองของเสียของร่างกาย เช่น ตับและปอด โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีดีท็อกซ์ในการล้างสารพิษ ฉะนัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามกระบวนการทำงานของร่างกายดีกว่า


3.ไดเอ็ตด้วยอาหารหรือยามหัศจรรย์

ลืมไปได้เลยว่าจะมีอาหารหรือยาชนิดไหนสามารถช่วยลดความอ้วนของคุณได้ในระยะ เวลายาว โดยที่กินแล้วไม่มีผลกระทบข้างเคียง คุณอาจจะกินวิตามินเสริมไปกับการลดน้ำหนักได้ แต่แนะนำว่ารับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะดีกว่า

5.ไดเอ็ตที่ฟังดูดีเกินกว่าจะเป็นจริง

ถ้ามันฟังดูดีจนเกินไปจนไม่น่าทำได้จริง มันก็คงเป็นเช่นนั้น แผนการไดเอ็ตที่อ้างถึง "ความลับ" บางอย่างที่ตรงข้ามกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือมันก็อาจเป็น ความลับที่เป็นไปไม่ได้ก็ได้



ที่มา : นิตยสาร Lisa

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับ 4 ข้อ เพื่อสุขภาพดีของผู้หญิง


1. หัดลองทานอาหารใหม่ๆ ดูบ้าง

คุณผู้หญิงคนไหนที่ื no idea ไม่รู้หรือคิดไม่ออกว่าจะทานอะไรดี แล้วที่สุดก็ตองจบด้วยเมนูอาหาร ซ้ำซากจำเจแบบเดิมอยู่อย่างนั้น

เวลาที่คุณผู้หญิง ทานอาหารซ้ำๆ แบบเดิม นั้น จะทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอได้ค่ะ
ดังนั้นควรหันมา ทานอาหารที่หลากหลายขึ้น แล้วก็เลือกรับประทานตามความเหมาะสมเพื่อที่ร่างกาย จะได้รับวิตามิน และ สารต้นอนุมูลอิสระเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย

2. สวมบทเชฟให้กับตัวเองในบางมื้อ

ลงทุนเข้าครัวบ้าง นานๆ ที จะได้ควบคุมในเรื่องของการปรุงอาหาร เองซะบ้าง เลือกทานแต่ของดีมีประโยชน์ สำหรับส่วนผสมไหนที่ไม่ต้องการมากเป็นนัก
ก็ลดๆ ลงไปบ้างนะคะ สำหรับสาวๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่

3. หัดทานอาหารจำพวกธัญพืช

ที่แนะนำให้คุณผู้หญิงทั้ง หลายหันมาทาน ธัญญาพืชบ้างนั้น เนื่องมาจาก ธัญพืชนั้น สามาถป้องกัน โรคร้ายต่างๆ ได้เ ช่นว่า โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคลม โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ ธัญพืชยังช่วยต่อต้าน กับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย และ อีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยเอื้อประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงที่ กำลังดูแลรักษาสัดส่วน นั่นก็คือ ธัญพืช มีไฟเบอร์เยอะ เมื่อทานไปแล้วก็ทำให้อิ่มท้องอยู้ได้นานด้วยค่ะ ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักเพื่อหุ่นสวยก็สามารถ นำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ

4. หาของทานระหว่างมื้อ

การกินมื้อเล็กๆ ระหว่างวันจะช่วยกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญ ในร่างกายนั้นทำงานตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ร่างกายยังสามารถได้รับสารอาหารเพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการทานในมื้อหลักๆ 3 มื้อ นอกจากนี้ข้อดีของการทานอาหารระหว่างมื้อนั้น ยังช่วย รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และทำให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย

รู้หรือไม่ว่าการที่คุณผู้หญิง กินมื้อเล็กๆ แทรกระหว่างวันจะเป็นการช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น เพราะคุณจะได้รับวิตามิน และ เกลือแร่ที่ร่างกายต้องการนอกเหนือไปจากอาหาร มื้อหลักๆ ทั้ง 3 มื้อ อีกทั้งการกินของว่าง ระหว่างมื้อยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และช่วยทำให้ อารมณ์ดีขึ้นด้วย

ที่มา : http://www.ladyvisa.com
 

Followers

Copyright © 2009 Blogger Template Designed by Bie Blogger Template Vector by DaPino